ศาลยกฟ้อง "9 แกนนำ" อยากเลือกตั้ง ชุมนุมต้าน คสช.ปี 61

ศาลยกฟ้อง "9 แกนนำ" อยากเลือกตั้ง ชุมนุมต้าน คสช.ปี 61

ศาลยกฟ้อง 9 แกนนำอยากเลือกตั้ง ไม่เข้าข่ายความผิด ม.116 - พ.ร.บ.ชุมนุมฯ จากกรณีจัดกิจกรรม “หยุดยื้อเลือกตั้ง หยุดสืบทอดอำนาจ” ปี 2561 

ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและอดีตแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 9 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 จัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากวังของพระบรมวงศ์ฯ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ข้อ 12 ห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป (คำสั่งยกเลิกแล้ว)

โดยจำเลยที่ 1-9 ประกอบด้วย เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน นายวีระ สมความคิด  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม  นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์  แกนนำราษฎร 2563 นายอานนท์ นำภา  นายเอกชัย หงส์กังวาน  นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ  นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด 

เหตุฟ้องพวกจำเลยจากกรณีเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2561 พวกจำเลยจัดกิจกรรม “หยุดยื้อเลือกตั้ง หยุดสืบทอดอำนาจ” เพื่อส่งสัญญาณถึง คสช. ว่าประชาชนไม่ต้องการให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปอีก ที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน หน้าห้างสรรพสินค้า MBK Center

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว จำเลยทั้งเก้ากระทำความผิดฐานชุมนุมในระยะ 150 เมตร จากวังของพระบรมวงศ์ฯ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ หรือไม่ พยานโจทก์เบิกความไม่มีใครทราบมาก่อนว่าพื้นที่ชุมนุมอยู่ในระยะ 150 เมตร จนกระทั่งมีการวัดภายหลัง และไม่มีป้ายติดประกาศห้ามชุมนุม จำเลยทั้งเก้าและประชาชนย่อมไม่ทราบว่าเป็นระยะห้ามชุมนุม อีกทั้งหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ใกล้กว่าที่เกิดเหตุมีการจัดกิจกรรมบ่อยครั้ง ทำให้จำเลยเข้าใจว่าไม่อยู่ในข้อห้าม เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งเก้าไม่มีเจตนาฝ่าฝืน พยานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งเก้ากระทำความผิดฐานนี้

ส่วนจำเลยทั้งเก้ากระทำความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือไม่ จากการให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 และ 9 การถือป้ายและพูดของจำเลยที่ 6 และคำปราศรัยของพวกจำเลย มีการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วภายในเดือน พ.ย. 2561 เนื่องจาก นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการเลื่อนการเลือกตั้งหลายครั้ง แม้ปราศรัยสื่อความหมายเชิญชวนชุมนุม แต่การไม่ต้องการเลื่อนการเลือกตั้งไม่ใช่การยุยงปลุกปั่น เป็นไปตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ข้อความปราศรัยและสัมภาษณ์ของพวกจำเลยไม่ถึงขนาดยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 พิพากษายกฟ้อง

โดยนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กล่าวยืนยันภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องว่า การชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิ ทุกคนสามารถทำได้ตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนอยากให้กรณีนี้เป็นบรรทัดฐาน และยิ่งในช่วงนี้เกิดการไล่ฟ้องคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมกันหลายคดี ส่วนตัวคิดว่าในทางของพนักงานตำรวจ และพนักงานอัยการ คงต้องมีท่าทีในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนกว่านี้ เพราะท้ายที่สุดอย่างมาวันนี้ก็พิพากษายกฟ้อง ตนไม่อยากให้ซ้ำรอยเหตุการณ์แบบนี้อีก ต่อให้วันนี้คดีถูกยกฟ้อง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบ 3 ปี ทุกคนต้องเสียเวลา ตนอยากตั้งข้อสังเกตว่าสรุปแล้วรัฐต้องการจะให้กฎหมายเป็นกฎหมาย หรือเพื่อเอามาเป็นเครื่องมือใช้กลั่นแกล้งประชาชน ดังนั้นขอให้ผู้ที่ส่วนเกี่ยวข้องทบทวนแนวทางในการพิจารณาคดี อะไรที่ไม่เข้าข่ายองค์ประกอบก็ขอให้เลิกกระทำ