ติดตามประชุมกนง. อาจมีเซอร์ไพรซ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย

ติดตามประชุมกนง. อาจมีเซอร์ไพรซ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย

การแถลงข่าวโควิดน่าผิดหวัง

ช่วงเย็นวานนี้นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจกรณ๊การแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ ซึ่งมีใจความสำคัญได้แก่ 1) เศรษฐกิจทั่วโลกและไทยจะฟื้นช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ 2) การเปิดรับต่างชาติจะต้องชะลอออกไป 3) จะมีการยกระดับมาตรการควบคุมโรค โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพ มากกว่าเศรษฐกิจ และ 4) การเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ทั้งนี้เรามองว่าแถลงการณ์ดังกล่าวน่าผิดหวัง เนื่องจากไม่มีการพูดถึงแนวทางการเตรียมการเพื่อเยียวยาธุรกิจและประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมดูแลโรคระบาดของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยในการรักษาความเชื่อมั่นและกำลังซื้อ

ประชุมกนง.ไม่ลดไม่แย่ แต่ถ้าลดดอกเบี้ยจะเป็นบวก แม้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาด กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตามเรามองว่ามีโอกาส 30% ที่ กนง. อาจพิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกกับการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจาก 1) การประชุมรอบนี้เป็นการประชุมใหญ่ครั้งแรกหลังผู้ว่าธปท. คนใหม่รับตำแหน่ง 2) สถานการณ์โคโรนารอบ 2 เป็นเหตุผลเพียงพอที่ กนง. จะตัดสินใช้ใช้รโยบายการเงินเชิงรุก 3) เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อตลาดว่า กนง. พร้อมดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ โดยเรามองการอ่อนค่าของเงินบาทและความเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มการเงินในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาสะท้อนความคาดหวังว่าตลาดเก็งกำไรอาจเดการลดดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้

การแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ อาจกระทบช่วงสั้นต่อกลุ่มโภคภัณฑ์ สถานการณ์การระบาดในต่างประเทศ, โอกาสล้อมเหลวของการเจรจาการค้าระหว่างยุโรปกับังกฤษก่อน Brexit, รวมถึงผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้ค่าเงินเหรียญฯ มีโอกาสแข็งค่ากดดันสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามเรามองภาพรวมการเก็งกำไรรายตัวในกลุ่มที่ผลการดำเนินงานรสยตัวดี ยังน่าสนใจในการเก็งกำไร

ภาพรวมกลยุทธ์ คงมุมมองเชิงบวกต่อ ภาพระยะกลาง-ยาว โดยมี downside 1,350-1,400 จุด ทั้งนี้อาจลงทดสอบ 1,400 จุด หรือต่ำกว่าอีกหรือไม่ก็ได้ ดังนั้นเน้นซื้อในเชิงตั้งรับ และหากมีการปรับลงแรง// หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร VNT*, TISCO*, TVO*, SSP*

แนวรับ 1,405 จุด / แนวต้าน : 1,432-1,444 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

ทรัมป์ไม่ยอมลงนามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ. ทรัมป์ปฏิเสธการลงนามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องการให้สภาคองเกรสแก้ไขเนื้อหาในร่างกฎหมายวงเงิน $9 แสนล้าน โดยทรัมป์ต้องการให้เพิ่มจำนวนเงินในเช็คเงินสดที่จะแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และให้ยกเลิกการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

EU พร้อมขยายเวลาเจรจาอับงกฤษต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า. EU พร้อมขยายเวลาการเจรจาการค้ากับอังกฤษต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า จากเดิมที่กำหนดเส้นตายไว้ในวันที่ 1 ม.ค.

สหรัฐเผย GDP ไตรมาส 3/63 โต 33.4% สูงสุดเป็นประวัติการณ์. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ รายงานตัวเลขประกาณครั้งที่ 4 ของ GDP ไตรมาส 3/63 อยู่ที่ +33.4% yoy สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ไตรมาส 4/63 คาดโต +5% yoy

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนและรัสเซียกว่า 100 แห่ง (จีน 58 และรัสเซีย 45 แห่ง) ด้วยข้อกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับกองทัพทหารของประเทศ

ครม.รับทราบกรอบเงินเฟ้อที่ 1-3%. ครม.รับทราบเป้าหมายนโยบายการเงินปี 64 ที่กระทรวงคลังเสนอเข้ามา กำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วง 1-3% โดยเป็นระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย

ครม.ผ่านแผนคลังระยะปานกลางฟื้นเศรษฐกิจ. ครม.เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและรองรับสถานการณ์และความเสี่ยง พร้อมลดการขาดดุล และยังคงเป้าหมายระยะยาวที่จะจัดทำงบประมาณให้สมดุล คาดดัน GDP ปี 68 โต 3.2-4.2% จาก 3-4% ปี 65

ปิดเมืองเพิ่มเติม ประกาศปิดสมุทรสงครามและสมุทรปราการ เพื่อควบคุมโควิด

ประเด็นติดตาม: 23 ธ.ค. : ประชุม กนง., US initial jobless claims

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)