สัญญาณจากผู้นำ ในภาวะวิกฤติ

สัญญาณจากผู้นำ ในภาวะวิกฤติ

ท่ามกลางสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่ทุกภาคส่วนที่กำลังติดตามสถานการณ์โควิดระลอก 2 ด้วยใจจดจ่อ การให้ข้อมูลเรื่องโควิดเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากยังไม่มีความชัดเจนจำเป็นต้องระมัดระวัง หรือรอให้ชัดเจนแล้วค่อยประกาศรายละเอียด เพื่อป้องกันความแตกตื่น

การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เมื่อเวลาประมาณ 13.45 น. วันที่ 22 ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่าให้รอฟังแถลงการณ์ในช่วงเย็น กลายเป็นจุดสนใจอยากรู้ความคืบหน้าการพบเชื้อและแผนดำเนินการของรัฐบาลในระยะต่อไป แต่กว่าจะถึงเวลาช่วงเย็น ได้มีการตีความและคาดเดาไปคนละทิศคนละทาง ส่วนใหญ่เกรงว่ารัฐบาลจะออกมาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การค้าการลงทุนและภาคธุรกิจ

กระทั่งเวลา 18.00 น. นายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจภายใต้หัวข้อ การระบาดอีกครั้ง-เราต้องเข้มแข็ง สาระสำคัญพบว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในระหว่างนี้ตนจะกำชับเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐให้ทำงานแบบบูรณาการ และจะเร่งให้มีการใช้วัคซีนให้รวดเร็วที่สุด การแถลงดังกล่าวมีความชัดเจนพอสมควร ทว่าก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.คนไทยที่กำลังติดตามข่าวโควิดได้ยินนายกรัฐมนตรีขอเวลาอีก 7 วันในการประเมินสถานการณ์ แต่ไม่มีรายละเอียดใดๆ เกิดภาวะตื่นตระหนก เห็นได้จากตลาดหุ้นที่ระหว่างวันกำลังจะรีบาวด์กลับปิดตัวระดับต่ำสุดของวันที่ 80 จุด

ท่ามกลางสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่ทุกภาคส่วนที่กำลังติดตามสถานการณ์โควิดระลอก 2 ด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะนำไปปฏิบัติใช้ชีวิตหรือปรับแผนเดินทางช่วงปีใหม่ ส่วนนักลงทุนและภาคธุรกิจเห็นความจำเป็นที่ต้องอัพเดทข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ เราเห็นว่าหากยังไม่สรุปเรื่องแผนล็อกดาวน์ ผู้นำประเทศอาจจะยังไม่จำเป็นต้องโยนหินถามทาง ถ้านายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ในทำนองกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ขอประเมินสถานการณ์วันต่อวัน อาจจะไม่มีการตีความในแง่ลบ คนส่วนใหญ่จะได้ไม่คาดเดาไปก่อนว่าอาจจะมีการล็อกดาวน์ประเทศ 

เราเห็นว่าการให้ข้อมูลเรื่องโควิดในภาวะวิกฤติเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากยังไม่มีความชัดเจนจำเป็นต้องระมัดระวัง หรือรอให้ชัดเจนแล้วค่อยประกาศรายละเอียด เพื่อป้องกันความแตกตื่นในตลาดเงินตลาดทุน ภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไป เพราะความจริงที่เจ็บปวดแต่ทำให้วิกฤตลดลง สามารถลดความเสียหายของส่วนรวม เราเชื่อว่าฝ่ายบริหารหรือคุณหมอบางท่านให้ข้อมูลบกพร่อง อาจจะหวังดีไม่อยากให้คนตื่นตระหนก แต่ในโลกข้อมูลข่าวสารที่ค้นหาความจริงได้อย่างรวดเร็ว ความหวังดีจะกลายเป็นความประสงค์ร้าย หลังจากเผชิญโควิดมา 1 ปี เราเชื่อว่าประชาชนมีความรู้และเข้าใจโควิดดีขึ้น และวันนี้คนไทยก็รู้จักคุณหมอกับรัฐมนตรีบางคนดีขึ้นกว่าเดิม