หุ้นที่อิงกับประเด็นการลงทุนภายนอกมีแนวโน้มได้รับผลกระทบที่ต่ำกว่า

หุ้นที่อิงกับประเด็นการลงทุนภายนอกมีแนวโน้มได้รับผลกระทบที่ต่ำกว่า

ตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มผันผวนจากประเด็นการกลายพันธ์ของไวรัส

หลังปรับลงมีแรงซื้อกลับในสินทรัพย์เสี่ยงประเภท หุ้น ค่าเงิน รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์อื่น เช่น น้ำมัน ทองแดง ขณะที่ ดัชนีชี้วัดความเสี่ยง เช่น เงินเหรียญสหรัฐฯ และ VIX index ปรับตัวลดลง สะท้อนจิตวิทยาการลงทุนในตลาดโลกที่เป็นบวกมากหลังนักลงทุนในตลาดคลายกังวลเรื่องสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ประเทศอังกฤษลงบางส่วน หลังจากที่ ผู้เชี่ยวชาญชี้การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสเป็นเรื่องปกติและเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพวัคซีนในอัตราที่ต่ำ. ดร.มาเรีย แวน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านสาธารณสุขของ WHO เชื่อว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ที่กำลังเป็นข่าวอยู่นั้นจะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีนที่เพิ่งเริ่มแจกจ่ายออกไป เนื่องจากกระบวนการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะไม่เปลี่ยนแปลงเร็วมากเมื่อเทียบกับโรคอื่น เช่น ไข้หวัด และวัคซีนมีความสามารถที่จะปรับตัวได้ทัน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง มาตรการปิดเมืองที่ถูกนำกลับมาใช้ในหลายประเทศ รวมถึง อัตราการแพร่ระบาดที่เร็วขึ้นจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีน้ำหนักในระยะสั้น-กลาง. แม้ว่าในหลายกลุ่มประเทศ อาทิ สหรัฐ อังกฤษ และยุโรป จะเริ่มนำวัคซีนมาแจกจ่ายให้กับประชาชนในวงกว้างมากขึ้นแต่กว่าที่วัคซีนจะเริ่มเห็นผลหรือสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อาจต้องรอจนถึงช่วงครึ่งหลังปี 2564 เป็นอย่างน้อย ดังนั้น แม้ทิศทางหลักของตลาดจะยังคงเป็นภาพของการแกว่งขึ้น (sideway-up) แต่เราจะพบการปรับฐานเป็นระยะ

ความกังวลความเสี่ยงล็อคดาวน์เพิ่มยังกดดัน แต่มอง SET index โซน 1,400-1,350 เป็นจุดทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุน. นายกรัฐมนตรีขอเวลา 7 วัน ในการพิจารณาว่าจะกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศหรือไม่หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อยังพุ่งขึ้นไม่หยุด โดยล่าสุด ศบค.รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 382 ราย และยังรอผลอีกกว่า 2,600 ราย ซึ่งหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นและนำไปสู่การล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้งจะเป็นความเสี่ยงต่อตัวเลขเศรษฐกิจรวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียน แต่จะเป็นโอกาสเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่ต่ำ ได้แก่ หุ้นโภคภัณฑ์ (ปิโตรเคมี พลังงาน) เนื่องจากอิงความต้องการต่างประเทศเป็นหลัก และหุ้นปลอดภัย (สื่อสาร พลังงานทดแทน สาธารณูปโภค)

ภาพรวมกลยุทธ์ คงมุมมองเชิงบวกต่อ ภาพระยะกลาง-ยาว แต่ในระยะสั้นประเมินแรงทำกำไรและความกังวลก่อนที่สถานการณ์จะควบคุมได้ อาจกดดันตลาดลงทดสอบ 1,400 จุด หรือต่ำกว่าได้// หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร VNT*, TISCO*, TVO*

แนวรับ 1,400-1,350 จุด / แนวต้าน : 1,430 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

 

ประเด็นการลงทุน

สิงคโปร์รับวัคซีนโควิดล็อตแรกวันนี้ - สิงคโปร์ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ล็อตแรกจากบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคในวันนี้ เป็นรายแรกในเอเชีย หลังจากนี้ สิงคโปร์จะได้รับวัคซีนอีกหลายล็อตในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่รัฐบาลมีแผนที่จะจัดหาวัคซีนให้เพียงพอสำหรับประชากรทั้งหมดในประเทศภายในไตรมาส 3 ของปีหน้า

โควิดสายพันธุ์ใหม่เริ่มระบาดในยุโรป - หลายประเทศในยุโรปพบการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งสามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าเชื้อไวรัสเดิมประมาณร้อยละ 70 โดยในเบื้องต้นคาดว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้มีต้นกำเนิดมาจากสหราชอาณาจักร และแพร่ระบาดไปยังประเทศอื่นๆ

ประชุมกนง. – ความเสี่ยงของการปิดเมือง ทำให้กนง.มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อส่งสัญญาณผ่อนคลาย (และอาจเป็นสาเหตุที่ทำหุ้นธนาคารปรับลดลงแรงในระยะสั้น) เราคาดกลุ่มธนาคารจะเริ่มมีแรงซื้อกลับหลังมีความชัดเจนดอกเบี้ย และคุณภาพหนี้หลังผลประกอบการออก 20 ม.ค.

ประเด็นติดตาม: 22 ธ.ค. : US GDP 3Q20 / 23 ธ.ค. : ประชุม กนง., US initial jobless claims

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)