"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (21 ธ.ค.63)

"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (21 ธ.ค.63)

21-25 ธันวาคม: ช่วงสั้นเป็นลบมากขึ้นชัดเจน จากข่าว COVID-19

สรุปภาวะตลาด และมุมมองตลาดสัปดาห์นี้:

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (14-18 ธันวาคม) ดัชนี SET ขยับแบบ sideways เหมือนที่เราคาดไว้ เพราะกระแสเงินทุนจากต่างชาติผันผวนมากขึ้นจากการที่ตลาดหุ้นแพงแล้ว และมีความไม่แน่นอนมากขึ้นจากปัจจัยภายนอก อย่างเช่น การอภิปรายในสภาเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และรายงานข่าวเกี่ยวกับ side effect จาก วัคซีนป้ องกัน COVID-19 ของ Pfizer-BioNTech สำหรับในสัปดาห์นี้ (21-25 ธันวาคม) แนวโน้มตลาดในระยะสั้นดูเป็นลบมากขึ้นมาก จากยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในชานเมืองกรุงเทพ (จังหวัดสมุทรสาคร) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงสุดสัปดาห์ทำให้มีการ lockdown และประกาศ curfew ที่สมุทรสาคร และเนื่องจากมีความเสี่ยงที่ยอดผู้ติดเชื้อจะลามเข้ากรุงเทพ และมีการยืนยันการติดเชื้อในกรุงเทพบางรายแล้วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราจึงมองว่า ดัชนี SET น่าจะย่อลง เรามองว่า downside จากการระบาดรอบนี้จะอยู่ที่ 1,390 จุด ซึ่งคำนวณจาก P/E ตามแบบจำลองของเราสำหรับปี 2563 ที่ 18.2x และ EPS ของตลาดปี 2564 (ตามประมาณการของ KGI) ที่ 73.6 ทั้งนี้ downside ที่เราประเมินไว้ต่ำกว่าดัชนีปิดล่าสุดอยู่ 6% คิดเป็น earnings yield gap ปี 2564 ที่ 4.2% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปี

ธีมการลงทุน ปัจจัย และกระแสข่าวสำคัญที่จะมีผลกับตลาดในสัปดาห์นี้:

(-) ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น: เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเชื่อมโยงกับตลาดกลางกุ้ง พุ่งขึ้นเป็น 694 ราย และมีโอกาสสูงมากที่จะพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีกในสัปดาห์นี้เมื่อมีการตรวจแรงงานต่างด้าวอย่างเข้มข้น

(0) ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกัน COVID-19: ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา FDA ของสหรัฐได้อนุมัติอย่างเป็นทางการให้ใช้วัคซีนของ Moderna Inc. ซึ่งเป็นวัคซีนตัวที่สองต่อจากของ Pfizer-BioNTech ในขณะเดียวกัน นักลงทุนยังรอดูผลของวัคซีน Moderna หลังจากที่วัคซีนของ Pfizer ทำให้
บางรายเกิดอาการแพ้ในสัปดาห์ที่แล้ว ดังนั้น เราจึงมองว่าการอนุมัติของ FDA เป็นกลางต่อตลาด

(+) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐคืบหน้า: เมื่อวานนี้ CNBC รายงานว่า สส. ของทั้งพรรค Democrats และ Republicans บรรลุข้อตกลงในเนื้อสำคัญของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐมูลค่า 9 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเรามองว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นทางการได้ภายใน 1-2 วัน และ น่าจะผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการได้ในเร็วๆ นี้

(0) การประชุม กนง. วันพุธนี้: กนง. จะประชุมในวันที่ 23 ธันวาคม ถึงแม้ว่าสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศจะแย่ลงในช่วงหลายวันนี้ แต่เรายังคงมองว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ 0.50% และจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับเพิ่มความน่าจะเป็นที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายใน 1Q64 (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ COVID)

แนะนำให้หันมาถือหุ้น defensive และหุ้นที่จะได้อานิสงส์จาก COVID-19 ในระยะสั้น เรายังมองบวกกับแนวโน้มระยะยาว

เราแนะนำให้นักลงทุนเปลี่ยนไปถือหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบไม่มากนักจากการระบาดรอบใหม่ อย่างเช่น กลุ่มสาธารณูปโภค (BGRIM*, GULF*) และกลุ่มที่อยู่ในธีมทำงานจากที่บ้าน อย่างเช่น COM7*, SYNEX และ DELTA* ส่วนหุ้นพลังงาน และปิโตรเคมีน่าจะถูกกระทบไม่มากนักในเชิงพื้นฐาน แต่จะถูกกระทบในแง่ market plays ซึ่งจะเผชิญแรงขายในระยะสั้น และเรามองว่าเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อ เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มตลาดใน 1Q64 เนื่องจากมองว่าประเทศไทยจะสามารถคุม COVID-19 ได้ และภาพใหญ่ก็ยังคงมีกระแสเงินทุนไหลเข้ามาในตลาด EM เอเชีย และตลาดหุ้นไทย