ไทย-อินเดีย หนุน ‘มินิ เอฟทีเอ’ หวังลุยส่งออกอินเดียเพิ่มปี 64
"จุรินทร์" เรียกประชุมเอกชนไทย-อินเดีย ประเดิมทำ "มินิ เอฟทีเอ" ระหว่างไทยกับรัฐเตลังกานา หวังลุยทำตัวเลขส่งออกอินเดียเพิ่มปี 64
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.63 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และคณะกระทรวงพาณิชย์ ประชุมหารือกับ 3 ภาคเอกชนด้านการค้าไทย-อินเดีย คือ 1.หอการค้าอินเดีย-ไทย (India-Thai Chamber of Commerce) เดิมชื่อชมรมผู้ประกอบการค้าชาวอินเดีย (Indian Society of Trade) 2.สมาคมธุรกิจอินเดีย-ไทย (India-Thailand Business Association) 3.สภาธุรกิจไทย-อินเดีย (Thailand-India Business Council) ก่อตั้งข้ึนต้ังแต่ปี 2550 โดยคณะกรรมการร่วม ภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคม ธนาคารไทย ต่อมา กกร. ได้แต่งต้ังให้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดูแล
- ระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (2558-2562) มูลค่าเฉลี่ยปีละ 10,136.58 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า มาโดยตลอด
- ปี 2562 อินเดียเป็นคู่ค้าอันดับท่ี 11 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ ขณะที่ไทยเป็น คู่ค้าอันดับ 4 ของอินเดียในภูมิภาคอาเซียน รองจากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยการค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 12,147.68 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปี 2561 ร้อยละ 2.77 และมูลค่าการค้าสองฝ่ายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.52 ของ มูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย และไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 2,532.94 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ม.ค.-ต.ค. 63 การค้ารวมมีมูลค่า 7,871.53 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 24.41 และไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 909.55 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (2558-2562) ไทยส่งออกไปอินเดียมูลค่าเฉลี่ยปีละ 6,379.31 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ปี2562อินเดียเป็นตลาดส่งออกอันดับท่ี10ของไทยในตลาดโลกและเป็นอันดับที่1ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยไทยส่งออกไปอินเดียมูลค่า 7,340.31 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปี 2561 ร้อยละ 3.77
- ม.ค.-ต.ค. 63 ไทยส่งออกไปอินเดียมูลค่า 4,390.54 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 30.53
- สินค้าส่งออกหลักของไทยไปอินเดีย 5 อันดับแรก (ม.ค.-ต.ค. 63) ได้แก่ 1) เม็ดพลาสติก (-19.25%) 2) เคมีภัณฑ์ (-27.57%) 4) อัญมณีและเครื่องประดับ (-46.62%) 4) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล (-22.62%) และ 5) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (-13.87%)