Eggnog Vs Mulled wine เครื่องดื่มของคริสต์มาส

Eggnog Vs Mulled wine เครื่องดื่มของคริสต์มาส

เทศกาลแห่งความสุข คริสต์มาสและปีใหม่ มาถึงแล้ว... มีซานต้า ของขวัญ คำอวยพร อาหาร ขนม แล้ว 'เครื่องดื่มประจำเทศกาลคริสต์มาส' คืออะไร

คนทั่วโลกรู้กันอยู่ว่า เมื่อมีเทศกาลเฉลิมฉลอง งานรื่นเริง งานบันเทิงต่าง ๆ นอกจากฉลองกันด้วยอาหารก็ต้องมี เครื่องดื่ม ผสม แอลกอฮอล์ มากบ้างน้อยบ้าง เพราะมนุษย์กับเครื่องดื่มมึนเมาอยู่คู่กันมา ตั้งแต่ 5,000 ปี ก่อนคริสตกาล บันทึกไว้ในกระดาษปาปิรุสของชาวอียิปต์โบราณ แต่ความจริงเครื่องดื่มกินแล้วเมามีความเป็นมาเก่าแก่กว่านั้น โดยค้นพบหลักฐานภาชนะบรรจุเบียร์ในดินแดนแถบเมโสโปเตเมียและบริเวณประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน แต่คนจีนก็บอกว่าชาวฮั่นรู้จักหมักดองผลไม้ เช่น องุ่น ลูกเบอร์รี่ฮอว์ธอร์น น้ำผึ้ง และข้าว ทำเป็นเครื่องดื่มกินแล้วเมามาราว 7,000 ปี ก่อนคริสตกาล

160814950685

ชาวโลกเราคุ้นเคยกับน้ำเมา ชื่นชอบ และขาดไม่ได้ กระทั่งใน วันคริสต์มาส ชาวคริสต์ฉลองกันด้วยอาหาร ขนม และ เครื่องดื่มประจำเทศกาล ได้แก่ เอ๊กน็อก (Eggnog) คือนมสดต้มกับเครื่องเทศ น้ำตาล ครีม ไข่แดง และเหล้าที่มี นิยมดื่มในเทศกาลคริสต์มาสซึ่งตรงกับฤดูหนาว ได้ดื่มนมอุ่นใส่แอลกอฮอล์ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ใครเป็นต้นคิดถือว่าเป็นผู้สร้างสรรค์เครื่องดื่มที่อร่อย บำรุงสุขภาพ (ถ้าไม่ใส่แอลกอฮอล์มากเกินไป) มีบันทึกว่าผู้ริเริ่มน่าจะเป็นนักบวชจากยุคกลาง ในอังกฤษราวศตวรรษที่ 13 พระในยุคกลางสามารถซื้อผลผลิตชั้นดี เช่น ไข่ นม มะเดื่อ เชอร์รี่ และไวน์ จึงน่าเป็นยุคแรก ๆ ของเอ๊กน็อก มาจากคำว่า nog หรือ noggin หมายถึงถ้วยไม้มีหูจับ และ grog หมายถึงเบียร์หรือรัม

160814966653           (ภาพ popsugar.fitness - Faring Well)

เมื่อถึงทศวรรษ 1700 ยุคอาณานิคม การเกษตรพืชไร่และการเลี้ยงสัตว์ได้ผลดี มีไก่ ไข่ และวัว และเหล้ารัมก็ราคาถูกลง เม็กซิโกในฐานะผู้ผลิตรัมจึงรับธรรมเนียมกินเอ๊กน็อกในเทศกาลคริสต์มาสมาด้วย แล้วพอเจ้านมต้มใส่รัมเดินทางไปถึงเปอโต ริโก ชาวเมืองที่นั่นปลูกมะพร้าวเยอะ พวกเขาจึงใส่ “กะทิ” ลงไปด้วย

แต่นักเขียนเรื่องอาหารบางคนแย้งว่า นมต้มใส่ไข่แดง น้ำตาล และครีม น่าจะมีมานานแล้ว นิยมดื่มร้อน ๆ ขับไล่ความหนาวเย็นในเดือนที่หิมะตก การเติมแอลกอฮอล์มาทีหลัง โดยเริ่มมาจากชนชั้นสูงในอังกฤษ

160814969410

เมื่อถึงยุค 1900s ชาวอังกฤษในอเมริกาก็นิยมเติมรัมแทนบรั่นดีหรือไวน์ เพราะรัมหาง่ายและราคาถูกกว่า ดื่มกันไปมาก็ดื่มเลยไปถึงวันปีใหม่ด้วย และมีผู้นำดื่มคืออดีตประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน ที่ชอบเอ๊กน็อกมาก จัดให้เป็นเครื่องดื่มฉลองในวันเกิด 22 กุมภาพันธ์ และดื่มเลยไปถึงวันชาติอเมริกา 4 กรกฎาคมด้วย

ทำไมคนชอบดื่มเอ๊กน็อก...ในเมืองหนาว เครื่องดื่มอุ่น ๆ หอมเครื่องเทศ มึนนิดเมาหน่อยช่วยแก้หนาวได้ดี และเครื่องเทศถือเป็นยา นมสดและแอลกอฮอล์ (นิดหน่อย) ก็ช่วยบำรุงสุขภาพ

ปัจจุบัน เอ๊กน็อกพร้อมดื่มมีหลายสูตร บ้านไหนขี้เกียจเตรียมวัตถุดิบก็หาซื้อได้ง่าย มีตั้งแต่สูตรมาตรฐาน สูตรแบบไม่มีแอล.สำหรับเด็ก สูตรเติมกะทิ สูตรไข่ออร์แกนิค สูตรนมโลว์-แฟท เมื่อก่อนเอ๊กน็อกวางจำหน่ายช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี แต่ตอนนี้ขายตลอดทั้งปี   ทำให้ทุกคนดื่มเอ๊กน็อกได้ไม่จำเป็นต้องถึงวันคริสต์มาส คนพวกนี้จะได้ชื่อว่าพวก hog head

160814971673

ใคร ๆ ก็ทำเอ๊กน็อกได้ สูตรมาตรฐาน มีดังนี้ นมสด ครีม เหล้ารัม วานิลลา ไข่แดงดิบ น้ำตาลไอซิ่ง ปริมาณกะเอาตามต้องการ วิธีทำคือ เทนมใส่กระทะลงอุ่นจนเดือด ใส่ไข่แดงแล้วคนต่อ  เติมน้ำตาล ฝักวานิลลา ต้มต่ออีกเล็กน้อย แล้วเทใส่ตะแกรงร่อนแล้วค่อยเติมรัม  เติมผิวส้ม เปปเปอร์มิ้นท์ ผงอบเชย กานพลู ผงจันทน์เทศ ได้ตามชอบ ส่วนแอล. จะเลือกเหล้าเชอร์รี่ วิสกี้ บรั่นดี ไวน์ เบอร์เบิ้น คอนญัค อาร์มาญัค ได้หมด

เครื่องดื่มประจำเทศกาลคริสต์มาส อีกอย่างหนึ่งคือ Mulled wine หรือ Gluh wein อย่างที่รู้กันว่า เมื่อชาวยุโรปรู้จักเครื่องเทศ พวกเขาก็พยายามใส่มันในทุกอย่างที่กินได้ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องเทศจากนักรบครูเสด ได้แก่ อบเชย กานพลู ขิง จันทน์เทศ พริกไทย เป็นเครื่องปรุงราคาแพง ชาวยุโรปเริ่มดื่ม Mulled wine หรือไวน์แดงต้มใส่เครื่องเทศมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ยุคนั้นอาจหาเครื่องเทศไม่ค่อยได้ Mulled wine จึงใส่น้ำผึ้งกับสมุนไพรบางอย่างเพื่อถนอมอาหาร มีบันทึกว่าชาวโรมันในยุคกลางต้ม Mulled wine แจกให้ทหารดื่มสัปดาห์ละ 5 ลิตร ถือว่าเป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ ทว่าชาวอียิปต์โบราณบอกว่า ไวน์อุ่นนิยมดื่มมาตั้งแต่สามพันกว่าปีก่อนคริสตกาล โดยใส่เครื่องเทศลงไปต้มถือเป็นยาบำรุงสุขภาพ

160814974346

พอถึงยุควิคทอเรียนช่วงปี 1843 Mulled wine เป็นเครื่องดื่มคลาสสิก นิยมดื่มในช่วงคริสต์มาส ส่วน Gluh wein คือไวน์แดงร้อนที่ดื่มกันในเยอรมนีและออสเตรีย ใส่กานพลู อบเชย ดอกจันทน์เทศ ในยุโรปเหนือที่อากาศหนาวจัด เช่น นอร์เวย์ ใส่เหล้าท้องถิ่น เรียกว่า glogg ในสวีเดนใส่ลูกเกดกับอัลมอนด์ลงไปด้วย

แล้วควรใช้ไวน์แดงประเภทไหน อีกทั้งต้องมีเทคนิคการต้มไม่ให้แอลกอฮอล์ระเหยไปก่อน แล้ว Mulled wine กับ Gluh wein หรือ Glow wine ต่างกันอย่างไร ผู้รู้บอกว่า Mulled wine รสชาติหวานกว่าเพราะใส่น้ำผลไม้มากกว่าเพื่อลดความเป็นกรดของไวน์และลดทอนกลิ่นของเครื่องเทศลงบ้าง และบางสูตรยังเติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งลงไปอีก การเลือกไวน์แดง ควรเลือกไวน์ที่มีกลิ่นโอ๊คไม่หนักมาก ไม่ควรเป็นปีโนต์ นัวร์ ของนิวซีแลนด์ ชีราซของออสเตรเลีย และไวน์สเปน Rioja

160814976743

  (ภาพ vincarta.com)

ไวน์ที่แนะนำ  ได้แก่  Chateau Haut-Brion, ดรายไวน์,  ไวน์แดงที่มีรสของผลไม้มากหน่อย  เช่น Cabernet Sauvignon   ที่มีกลิ่นของแบล็คเคอแรนท์ แบล็คเชอร์รี่ อบเชย และ Marlot

สูตรทำ Mulled wine : ไวน์แดง น้ำเปล่า อบเชยแท่ง ผงจันทน์เทศ กานพลู ส้ม ฝักวานิลลา ดอกจันทน์เทศ ต้มด้วยไฟกลางอย่างระมัดระวัง พอเดือดคอยหรี่ ถ้าชอบหวานเติมน้ำผึ้งหรือเมเปิ้ล ไซรัป ใครที่ชอบกลิ่นเครื่องเทศจะเพิ่มคาร์ดามอม ขิงสด ใบเบย์ ส้มและมะนาว ฝานแว่นทั้งเปลือก

บางคนที่คิดว่าไวน์แดงยังแรงไม่พอก็อาจเติมบรั่นดี คอนญัค จิน หรือพอร์ท ลงไปอีกนิด...