'ไทยภักดี' เดินหน้าแคมเปญ 1 สิทธิ 1 เสียง ใช้ ม.112 หักคอเวียดกง

'ไทยภักดี' เดินหน้าแคมเปญ 1 สิทธิ 1 เสียง ใช้ ม.112 หักคอเวียดกง

'ไทยภักดี' เตรียมยื่น 'รมว.ดีอีเอส' เร่งแผนปฏิรูป 'โซเชียลมีเดีย' ภัยคุกคามต่อสถาบัน ชวนประชาชน แจ้ง ม.112 หากพบการกระทำที่เข้าข่ายความผิด

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2563 กลุ่มไทยภักดี นำโดยนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ร่วมกันแถลงข่าวถึงการใช้ข้อกฎหมาย ม.112 ว่า เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลรุกคืบต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีการโจมตีมาตรา112 ว่าเป็นกฎหมายที่มีปัญหา ปิดปากประชาชนไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง และใช้โซเชียลมีเดียในการขยายความซึ่งในขณะนี้ประเทศต่างๆทุกประเทศ ก็มีกฎหมายให้ความคุ้มครองประมุข ถ้ามีการไปกระทำการที่จาบจ้วง เช่น อังกฤษ เนเธอแลนด์   และยังมีกลุ่มบุคคลไปร้องเรียน ยูเอ็น ให้สนับสนุนการยกเลิกมาตรา112 ซึ่งถือเป็นการชักศึกเข้าบ้าน และมองว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้กำลัง นำ ม.112 มาเล่นการเมือง เพื่อสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง    

ดังนั้นกลุ่มไทยภักดีจึงได้คิดแคมเปญที่ใช้ชื่อว่า 1สิทธิ 1 เสียง สนับสนุนมาตรา 112 ด้วยยุทธการหักคอเวียดกง โดยมี3กิจกรรมคือ 1.เชิญชวน คนไทยทั่วประเทศ ไปแจ้งความดำเนินคดีตาม ม.112 หากพบเห็นการกระทำความผิดที่เข้าข่าย โดยให้เก็บหลักฐาน และส่งมาได้ทางข้อความของเพจไทยภักดี ประเทศไทย ซึ่งทางกลุ่มมีทนายความอาสา จะทำหน้าที่เขียนสำนวนและส่งกลับไปเพื่อให้ผู้แจ้ง นำไปดำเนินคดีในสถานีตำรวจใกล้บ้าน ซึ่งการใช้ ม.112 ในครั้งนี้ ถือเป็นการกระตุ้นจากภาคประชาชนที่มีความจงรักภักดี เพื่อมาร่วมกันปกป้องสถาบัน

2.กลุ่มไทยภักดี ได้ร่วมกับเครือข่ายปกป้องสถาบัน จะทำกิจกรรมเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในกฎหมาย ม.112 เดิมจะจัดในวันที่ 18 ธ.ค.ที่สวนลุมพินี แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ยกเลิกการจัดที่สวนลุมพินี แต่ได้ปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมเป็นการนั่งวงเสวนา และจัดให้ใีการถ่ายทอดสดซึ่งสามารถรับชมได้ที่ เพจไทยภักดี เวลา 16.00น. 

และ 3.กลุ่มไทยภักดีประเมินว่า โซเชียลมีเดียเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นภัยคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงมีแผนที่จะไปยื่นหนังสือต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปแผนการใช้โซเชียลมีเดีย และเร่งการใช้แผนงานโซเชียลมีเดีย เพราะรัฐบาลและกระทรวงฯ ยังทำงานช้าไป โดยจะเดินทางไปยื่นหนังสือในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00น. ทั้งนี้ก็ต้องการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎร เสนอให้ตั้ง กมธ.ศึกษาแผนการปฏิรูปโซเชียลมีเดียด้วย

   

นายแพทย์วรงค์ ยังบอกถึงกรณีการชุมนุมนักศึกษาว่า ขณะนี้การชุมนุมเริ่มมีความขัดแย้งกันเองในกลุ่ม และการประกาศว่าจะนำแนวทางคอมมิวนิสมาใช้ในประเทศไทน ซึ่งเป็นแนวทางที่มีแรงต้านสูงมาก และมี99%ที่คนไม่เห็นด้วย ดังนั้นจึงมองว่า การชุมนุมไม่มีความชัดเจนในเป้าหมาย ส่วนจะจบอย่างไรก็เป็นเรื่องของกลุ่มการชุมนุม ส่วนกรณีที่ในปีหน้าการชุมนุมจะเข้มข้นขึ้นนั้น มองว่า ความเข้มข้นอาจจะสร้างความสับสน แต่ก็เป็นเรื่องของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งทางกลุ่มไทยภักดียืนยันว่า อะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็จะยืนหลักความถูกต้อง และทางกลุ่มจะพยายามอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ