Top 10 จาก Top 100 Wines 2020 จาก Wine Spectator  

 Top 10 จาก Top 100 Wines 2020 จาก Wine Spectator   

ไวน์ สเปกเตเตอร์’  (Wine Spectator) นิตยสารไวน์รายเดือนชื่อดังและทรงอิทธิพลของอเมริกา ทุกปีจะคัดเลือกไวน์จากทั่วโลก แล้วจัดเป็น ‘Top 100 Wines of the Year’ โดยประเมินจากหลายอย่าง

เช่น คุณภาพ ราคา การเข้าถึงได้ ไม่ใช่ไวน์แพงสุดกู่ที่คนส่วนใหญ่ไม่อาจจะหามาลิ้ม รสได้ เป็นต้น ซึ่งเขาจัดมากว่า 30 ปีแล้ว   

สำหรับปี 2020 นี้ผลออกมาแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา และขอ นำมาเสนอเฉพาะ 10 อันดับแรก (Top 10) เพราะถ้าเอาทั้ง 100 ตัวจะยืดยาวเกินไป  อย่างก็ตามท่านสามารถไปซื้อนิตยสารเล่มนี้ ได้ตามร้านขายหนังสือต่างประเทศใน บ้านเรา ซึ่งน่าจะมีวางขายในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้

อันดับ 1 ของ Top 100 Wines of the Year 2020 หรือ Wine of the Year 2020 ปรากฏว่าตกเป็นของไวน์สเปน หลังจากเมื่อปีที่แล้ว 2019 เป็นของไวน์ฝรั่งเศส คือ ชาโต เลโอวิลล์ บาร์ตง แซงฌูเลียน 2016 (Château Léoville Barton St.-Julien 2016) ไวน์กรองด์ ครู ชั้น 2 ได้ 97/100 คะแนน

ไวน์สเปนดังกล่าวคือ โบเดกาส มาร์เกส เดอ มัวริเอตา ริโอฆา กัสติลโย อีเกย์ กราน รีแซร์บา เอสเปเชียล 2010 (Bodegas Marqués de Murrieta Rioja Castillo Ygay Gran Reserva Especial 2010) ซึ่งผลิต 7,5000 ลัง ราคาที่สหรัฐขวดละ 139 ดอลลาร์สหรัฐ ได้ 96/100 คะแนน ผมเคยชิมไวน์ตัวนี้มาประมาณ 5-6 วินเทจ ทั้งในประเทศสเปนและในเมืองไทย ได้อารมณ์เหมือนฝรั่งเศสบนแผ่นดินสเปน

160804381924

   Marqués de Murrieta 2010

โบเดกาส มาร์เกส เดอ มัวริเอตา (Bodegas Marqués de Murrieta) ก่อตั้งเมื่อปี 1850 ได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่มผลิตไวน์โดยการใช้เทคโนโลยีจากฝรั่งเศส เพื่อให้ไวน์แดงจากองุ่นเทมปรานิลโย (Tempranillo) ซึ่งเป็นองุ่นประจำถิ่นของเขตริโอฆา (Rioja) มีความซับซ้อน (Complexity) และสามารถเก็บไว้ได้นาน

160804494623

    Vicente Dalmau Cebrián-Sagarriga 

ปี 1983 ไวเนอรีเปลี่ยนมือจากครอบครัวผู้ก่อตั้ง ไปสู่เจ้าของใหม่คือ วีเซนเต เซเบรียน (Vicente Cebrián) นายทุนและเจ้าของไวเนอรีจากแคว้นกาลิเซีย (Galicia) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน หลังจากเขาเสียชีวิตในปี 1996 วีเซนเต ดัลเมา เซเบรียน ซาการ์ริกา (Vicente Dalmau Cebrián-Sagarriga) ลูกชายวัย 26 ปีของเขาก็เข้ามาดูแลกิจการแทน ซึ่งเขาใช้เวลากว่า 25 ปี และเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการพัฒนากิจการไวน์ของครอบครัว กระทั่งทุกวันนี้  Bodegas Marqués de Murrieta ยืนอยู่หัวแถวของผู้ผลิตไวน์ในริโอฆา

 “ณ วันนั้น ผมตัดสินใจในการเริ่มศักราชใหม่ของ  Marqués de Murrieta ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งกระบวนการ และแนวทางในการทำไวน์ รวมไปถึงผู้ร่วมงาน..” 

160804394877

  Bodegas Marqués de Murrieta

วีเซนเต ดัลเมา เซเบรียน ซาการ์ริกา ซึ่งในวันนี้อายุ 50 ปีเศษกล่าวถึงอดีต และปัจจุบันเขามีคริสตินา (Cristina) น้องสาวดูและเรื่องการเงินและบริหารจัดการ ขณะที่ไวน์เมกเกอร์เป็นหน้าที่ของ มาเรีย วาร์กาส (María Vargas)

160804499334

   เซลลาร์ของ Marqués de Murrieta เก็บไวน์ได้เป็นล้านขวด

160804504028

   ถังบ่ม Marqués de Murrieta

ไวน์ทั้งหมดของ Marqués de Murrieta ทำจากองุ่นที่ปลูกในไร่ของตัวเอง บนพื้นที่ 740 เอเคอร์ ในริโอฆา อัลตา (Rioja Alta) เขตย่อยของริโอฆา โดยมีอีเกย์ เอสเตส (Ygay Estate) เป็นไร่หัวกระทิ ผลิตไวน์ทั้งหมด 5 รุ่น โดยมีรุ่น Castillo Ygay ที่ได้รับรางวัลนี้เป็นไวน์เรือธง ทำจากองุ่นที่ในไร่ขนาด 98 เอเคอร์ มาตั้งแต่ปี 1950 ใช้เทมปรานิลโย ที่บ่มในถังอเมริกัน โอ๊คเป็นหลัก อีกเล็กน้อยเป็นมาซูเอโล (Mazuelo) ที่ผ่านการบ่มในโอ๊คฝรั่งเศส บ่มกว่า 10 ปีก่อนจะบางตลาด

 สำหรับ โบเดกาส มาร์เกส เดอ มัวริเอตา ริโอฆา กัสติลโย อีเกย์ กราน รีแซร์บา เอสเปเชียล 2010 (Bodegas Marqués de Murrieta Rioja Castillo Ygay Gran Reserva Especial 2010) ส่งออกเพียง 680 ลัง ที่เหลือขายในประเทศซึ่งก็แทบจะไม่พอ สีแดงขอบส้มนิด ๆ หอมกลิ่นผลไม้สุกฉ่ำ เช่น เชอร์รี แบล็คเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี เปลือกส้ม วานิลลา ควันไฟ ใบยาสูบ ใบชาที่ผ่านการบ่ม ซีดาร์ หนังสัตว์ โอ๊คกรุ่น ๆ สไปซี แอสิดสดชื่น แทนนินนุ่มเนียนละเอียด จบยาวด้วยผลไม้สุก เปลือกส้ม และโอ๊คหอมกรุ่น กำลังสุกพร้อมดื่ม สามารถเก็บได้อีกประมาณ 10 ปี

160804400675

      Aubert Pinot Noir 2018

อันดับ 2 อูแบรต์ ปีโนต์ นัวร์ โซโนมา โคสต์ ยูวี วินเยิร์ด 2018 (Aubert Pinot Noir Sonoma Coast UV Vineyard 2018) ได้ 95 / 100 คะแนน จำนวนผลิต 993 ลัง เป็นปีโนต์ นัวร์ จากไร่ UV Vineyard ทางตะวันตกของ Sonoma County ซึ่งเป็นเขตเย็นในแคลิฟอร์เนีย เจ้าของหลงใหลปีโนต์ นัวร์มาก จึงผลิตไวน์ตัวนี้ในรูปแบบผสมผสานระหว่างฝรั่งเศสกับแคลิฟอร์เนีย หมักด้วยยีสต์ธรรมชาติและแช่เปลือกค่อนข้างนานกว่าปรกติ เป็นปีโนต์ นัวร์ สไตล์หนักแน่น มิเนอรัลโดดเด่น  หอมกรุ่น และสไปซี

160804403679

    San Filippo 2015

อันดับ 3 ซาน ฟิลิปโป บรูเนลโล ดี มอนตาลชิโน เลอ ลูเซเร 2015 (San Filippo Brunello di Montalcino Le Lucére 2015) : ได้ 97 /100 คะแนน จำนวนผลิต 1,300 ลัง (ส่งออก 650 ลัง) …โรแบรโต จิอันเนลลี (Roberto Giannelli) นายหน้าเรียลเอสเตทชาวเมืองฟลอเรนซ์ ซื้อ San Filippo เนื้อที่ 25 เอเคอร์ ในปี 2003 โดยไม่มีความรู้เรื่องไวน์แม้แต่นิดเดียว อาศัยเพื่อน ๆ ที่เป็นผู้ผลิตไวน์และอื่น ๆ พัฒนาจนกระทั่งทำบรูเนลโลได้อย่างยอดเยี่ยม  โดย Le Lucére นี้ ทำจากองุ่นอายุประมาณ 25 ปีบนพื้นที่ 6 เอเคอร์ หมักในถังสแตนเลส มาโลแลคติกในถังซีเมนต์ บ่ม1 ปีในถังโอ๊ค 225,500 และ 600 ลิตร จากนั้นบ่มในถังขนาดใหญ่อีก 14-16 เดือน บรรจุขวดแล้วปล่อยให้นอนอยู่อีก 1 ปีจึงวางขาย

  160804417118

        Mayacamas 2016

อันดับ 4 มายาคามาส กาแบร์เนต์ โซวีญยอง เมาน์ท วีเดอร์ 2016 (Mayacamas Cabernet Sauvignon Mount Veeder 2016) : ตัวนี้เมื่อปี 2019 วินเทจ 2015 ครองอันดับ 2 ได้ 96/100 คะแนน พอมาปีนี้วินเทจ 2016 หล่นมาที่ 4 แต่ได้ 96 คะแนนเท่ากัน จำนวนผลิต 1,600 ลัง ...หลังจากตระกูล Schottenstein ซื้อไร่นี้ในปี 2013 ก็ปรับปรุงและพัฒนาในแทบทุกด้าน แต่ที่ยังคงอยู่วิธีการทำไวน์แบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบ่มไวน์ 32-36 เดือน ในถังโอ๊คธรรมชาติ เริ่มจาก 20  เดือนในถังขนาดใหญ่ ก่อนจะถ่ายไปบ่มในถัง 225 – 500 ลิตรอีก 12 เดือน จึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ กาแบร์เนต์ โซวีญยอง ของแคลิฟอร์เนีย 

  160804457348

   la Vieille Julienne 2016

อันดับ 5 โดเมน เดอ ลา วีเญล์ ฌูเลียน ชาโตเนิฟ ดู ป๊าป เลส์ ตัวส์ โซร์ส 2016 (Domaine de la Vieille Julienne Châteauneuf-du-Pape Les Trois Sources 2016) : ได้ 96/100 คะแนน จำนวนผลิต 2,000 ลัง (ส่งออก 500 ลัง) ทำจากองุ่นที่ปลูกแบบ Biodynamic ไม่ใช้สารเคมี โดยมีเกรอะนาช (Grenache) เป็นหลัก ตามด้วย Syrah, Counoise, Cinsault, Mourvèdre และอื่น ๆ อีกอย่างละเล็กละน้อยตามสไตล์ของไวน์เขตนี้ เป็น Châteauneuf-du-Pape ที่ต้องชิมสักครั้งในชีวิต

 

อันดับ 6 คริสตเลอร์ ชาร์โดเนย์ รัสเชียน ริเวอร์ แวลลีย์ ไวน์ ฮิลล์ วินเยิร์ด 2017 (Kistler Chardonnay Russian River Valley Vine Hill Vineyard 2017) : เป็นไวน์ขาวตัวเดียวที่ติดอันดับท็อปเทน ได้ 96/100 คะแนน ผลิต 1,979 ลัง...เป็นไวน์ที่ผสมผสานจากชาร์โดเนย์ 11 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในโซโนมา (Sonoma) ที่สำคัญการผสมสานจากปัจจัยหลายอย่างที่ต่างกันไวน์เมกเกอร์ต้องเก่งจริง หมักในถังโอ๊คด้วยยีสต์พื้นเมือง บ่มพร้อมกากยีสต์ 1 ปี บรรจุขวดโดยไม่มีการกรอง

160804425215

อันดับ 7 มาสโซลิโน บาโรโล 2016 (Massolino Barolo 2016) : ได้ 95/100 คะแนน จำนวนผลิต 5,800 ลัง (ส่งออก 2,100 ลัง)...เป็นบาโรโลที่ครอบครัวเป็นเจ้าของเองมาตั้งแต่ก่อตั้งคือ 1896 ปัจจุบันทายาทรุ่นที่ 4 ดำเนินกิจการ มีพื้นที่ 100 เอเคอร์ วินเทจนี้เป็นคลาสสิก บารโรโลที่ใช้องุ่นเนบบิโอโล (Nebbiolo) จาก 6 ไร่  บ่ม 29 เดือนในถังสลาโวเนียน (Slavonian) โอ๊ค ขนาด 5,000 ลิตร

  160804429376

     Chacayes 2015

อันดับ 8 โบเดกา เปียดรา เนกรา ชากาเยส ลอส ชากาเยส (Bodega Piedra Negra Chacayes Los Chacayes 2015) :  ไวน์อาร์เจนตินาเชื้อสายฝรั่งเศส ได้ 96/100 คะแนน จะนวนผลิต 3,000 ลัง...เจ้าของคือ François Lurton คนดังแห่งฝรั่งเศส ไปซื้อไร่ Chacayes ที่อยู่ทางใต้ของเมนโดซา (Mendoza) ปลูกองุ่นในช่วงปี 1990 ทำจากมาลเบค (Malbec) 100% เป็นองุ่นที่ปลูกแบบออร์แกนิค หมักในถังไม้และถังซีเมนต์ขนาด 5,000 ลิตร บ่ม 24 เดือนในถังโอ๊คใหม่จากฝรั่งเศส บางส่วนบ่มในไหดินแอมเฟอระ (Amphorae)

  160804439168

    Beaux Frères Pinot Noir 2018

อันดับ 9 โบซ์ แฟรส์ ปีโนต์ นัวร์ ริบบอน ริดจ์ เดอะ โบซ์ แฟรส์ วินเยิร์ด 2018 (Beaux Frères Pinot Noir Ribbon Ridge The Beaux Frères Vineyard 2018) : ปีโนต์ นัวร์ โอเรกอน กลิ่นอายเบอร์กันดี ได้ 95/100 คะแนน จำนวนผลิต 3,088 ลัง... Beaux Frères ก่อตั้งเมื่อปี 1980 ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตที่ช่วยยกระดับการผลิต โมเดิร์น ปีโนต์ นัวร์ ให้กับผู้ผลิตในรัฐโอเรกอน (Oregon) มีพื้นที่ 24 เอเคอร์ อยู่ในเขตควบคุมการผลิต Chehalem Mountains AVA ปลูกปีโนต์ นัวร์ 3 โคลน (Clone) คือ Pommard,  Wädenswil และ Dijon หมักองุ่นด้วยยีสต์ป่า บ่ม 1 ปีในถังโอ๊คฝรั่งเศส โดย 40 % เป็นโอ๊คใหม่

  160804442575

    Bollinger 2012

อันดับ 10 โบลแลงเฌร์ บรุต ชอมปาญ ลา กรองด์ อานเน 2012 (Bollinger Brut Champagne La Grande Année 2012) : เป็นชอมปาญตัวเดียวที่ติดท็อปเทน ได้ 97/100 คะแนน... Bollinger ก่อตั้งในปี 1829 เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ครอบครัวยังเป็นเจ้าของ ทำจากปีโนต์ นัวร์ 2 ส่วน และชาร์โดเนย์ 1 ส่วน เป็นองุ่นจากไร่เปรอะมิเยร์ และกรองด์ ครู (Premier & Grand Cru) หมักในถังโอ๊คธรรมชาติขนาด 228 และ 400 ลิตร หลังจากเบลนด์และบรรจุขวดเพื่อการหมักครั้งที่ 2 แล้วปล่อยในนอนในเซลลาร์ 6 ปี จึงนำมาผ่านกระบวนการสุดท้ายพร้อมขายในปี 2019 

นั่นคือ Top 10 จาก Top 100 Wines of the Year ของนิตยสารไวน์ สเปกเตเตอร์ (Wine Spectator) เก็บไว้เป็นข้อมูล เผื่อมีโอกาสได้ชิม จะได้รู้ว่าเป็นอย่างที่เขาจัดไว้หรือไม่ ?