'5,300 บาท' คนกรุงจ่ายค่าฉลอง 'ปีใหม่ 64'

'5,300 บาท' คนกรุงจ่ายค่าฉลอง 'ปีใหม่ 64'

"เทศกาลปีใหม่ 2564" ผลสำรวจชี้คนส่วนใหญ่ยังมีแผนทำกิจกรรม แต่มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น คาดคนกรุงเทพฯ ใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 5,300 บาทต่อคน เม็ดเงินการใช้จ่ายรวมน่าจะแตะ 30,050 ล้านบาท

ผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 พบว่าคนกรุงเทพฯ กว่า 42.5% ของผู้ตอบแบบสำรวจเลือกฉลองปีใหม่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากต้องการหลีกเลี่ยงสภาพการจราจรติดขัดและบางส่วนอาจตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงวันหยุดยาวต้นเดือน ธ.ค. ขณะที่ในด้านการจับจ่ายใช้สอย คนส่วนใหญ่ยังมีแผนทำกิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น 

ค่าใช้จ่ายรวมในช่วงปีใหม่ 2564 (ปลายเดือน ธ.ค.2563 ถึงต้นเดือน ม.ค.2564) หากไม่มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐ จะเฉลี่ยอยู่ที่ 5,300 บาทต่อคน เนื่องจากยังมีความกังวลต่อผลกระทบของโควิด-19 ในต่างประเทศที่อาจลากยาวไปอีก แม้มีข่าวความคืบหน้าในการคิดค้นวัคซีน และปัจจัยกดดันด้านหนี้ครัวเรือน ประกอบกับสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ซึ่งอาจจะกดดันบรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่

อย่างไรก็ดี เนื่องจากแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ทำให้คาดว่าค่าใช้จ่ายรวมต่อคนในช่วงเทศกาลใหม่ 2564 ของคนกรุงเทพฯ น่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากกรณีไม่มีมาตรการฯ

ผลของมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกปี 2564 น่าจะเป็นแรงหนุนกำลังซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้บางส่วน ได้แก่ 

1.โครงการช้อปดีมีคืน เพื่อให้ผู้เสียภาษีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำยอดใช้จ่ายสินค้าและบริการตามที่กำหนด สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท จากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไปหักลดหย่อนได้ 

2.โครงการคนละครึ่ง ซึ่งรัฐจะช่วยจ่าย 50% ของยอดใช้จ่ายกับร้านค้าที่ลงทะเบียนร่วมโครงการ มูลค่าไม่เกิน 150 บาทต่อวัน วงเงินรวมตลอดระยะเวลาโครงการไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิครบโควตาในเฟสแรก พร้อมทั้งเตรียมดำเนินการในเฟส 2 ที่จะเริ่มให้ใช้สิทธิในวันที่ 1 ม.ค.2564 ขยายวงเงิน 3,500 บาทต่อคน และเพิ่มวงเงินให้แก่ผู้ได้รับสิทธิในเฟสแรกอีก 500 บาทต่อคน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเม็ดเงินการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 รวมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 30,050 ล้านบาท ทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า เป็นผลจากแรงหนุนที่ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและเพิ่มกำลังซื้อช่วงปีใหม่ได้บางส่วน แต่ในอีกด้านหนึ่งสะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่เผชิญแรงกดดันด้านกำลังซื้อ และต้องการได้รับสิทธิประโยชน์เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย 

สอดคล้องไปกับผลการสำรวจการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงปีใหม่ 2564 ที่พบว่าส่วนใหญ่ปรับลดงบประมาณสำหรับการฉลองปีใหม่ลงจากปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะได้ทยอยใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการ ในช่วงแคมเปญลดราคาอย่าง 11.11, 12.12 และใช้สิทธิการท่องเที่ยวผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันไปแล้ว

ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายรายประเภทกิจกรรม มีดังนี้ 1.การเลี้ยงสังสรรค์ ค่าอาหารเครื่องดื่ม มากที่สุด 10,500 ล้านบาท รองลงมา คือ 2.ช้อปปิ้ง ซื้อสินค้าส่วนตัว ของขวัญ 8,400 ล้านบาท 3.เดินทางในประเทศ ค่าเดินทาง ที่พัก 7,250 ล้านบาท 4.ค่าบริการ กิจกรรมสันทนาการ 1,850 ล้านบาท 5.ทำบุญ ไหว้พระ สวดมนต์ 1,400 ล้านบาท และ 5.ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ให้เงิน บัตรของขวัญ อยู่ที่ 650 ล้านบาท 

มูลค่าการใช้จ่ายรายกิจกรรมส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ยกเว้นค่าใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงสังสรรค์ ค่าอาหารเครื่องดื่ม และค่าใช้จ่ายสำหรับชอปปิง ซื้อสินค้าส่วนตัว ของขวัญ ที่ประเมินว่าน่าจะขยายตัวที่ 7.1% และ 7.7% ตามลำดับ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศของภาครัฐ ทำให้ผู้บริโภคเลือกจับจ่ายใช้สอยโดยใช้สิทธิผ่านโครงการฯ

ผลการสำรวจยังพบว่ากลยุทธ์การตลาดของร้านค้าผู้ประกอบการมีผลต่อการตัดสินใจซื้อค่อนข้างมาก โดยผู้ตอบแบบสำรวจเห็นว่า โปรโมชั่นลดราคามีผลต่อการเลือกใช้จ่ายสูงถึง 92% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด รองลงมาคือโปรโมชั่นของแถม (65%) ผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิตได้ในระยะเวลานานขึ้น (46%) มีสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตเพื่อแลกคะแนน รับเครดิตเงินคืน (36%) และมีแคมเปญชิงโชค (36%) ตามลำดับ สะท้อนว่าลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับราคาของสินค้า รวมถึงการยืดระยะเวลาการชำระเงิน 

นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มผู้มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 45,000 บาท ให้ความสนใจกับโปรโมชั่นลดราคามากที่สุด ในขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 45,001 บาทขึ้นไป เห็นว่าการขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ 0% และโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต อาทิการแลกคะแนนสะสม รับเครดิตเงินคืน มีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุด 

ดังนั้น ผู้ประกอบการอาจพิจารณาช่องทางการขายที่ผสมผสานทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ประกอบกับการออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์ฐานลูกค้าของสินค้าและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้งานในแต่ละช่องทางเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย