สกพอ.หนุนรื้อ'ผังคมนาคม' ลดผลกระทบเขตทาง 384 สาย

สกพอ.หนุนรื้อ'ผังคมนาคม'  ลดผลกระทบเขตทาง 384 สาย

แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค EEC มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.2562 ซึ่งกำหนดแผนผังระบบคมนาคมและขนส่งเพื่อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อพัฒนาถนนรองรับการขขยายตัวของ EEC

หลังจากมีการประกาศใช้แผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินและแผนผังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค EEC ได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากผังเมือง โดยเฉพาะปัญหาการกำหนดเขตทางและข้อห้ามเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ขีดแนวเส้นพัฒนาถนน EEC

สมาคมอสังหาริมทรัพย์ฉะเชิงเทราได้หารือร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กรมโยธาธิการและผังเมือง และผู้ประกอบการในฉะเชิงเทรา เพื่อหาทางแก้ปัญหาดังกล่าวเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2563

นายวัชระ ปิ่นเจริญ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ฉะเชิงเทรา เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่ได้กำหนดทำแผนผังคมนาคม ซึ่งเมื่อประกาศมาได้กำหนดเส้นทางถนนที่จะขยายและสร้างใหม่ในอีอีซี 384 สาย ทำให้กระทบต่อประชาชนในแนวเส้นทางถนนเหล่านี้ผ่านจะใช้ประโยชน์ที่ดินไม่ได้ ทั้งการซื้อขาย การจำนองธนาคารและการก่อสร้างจนกว่ารัฐจะจัดงบประมาณก่อสร้างถนนและเวนคืน

ทั้งนี้ ในอดีตการสร้างถนนเส้นใหม่จะกำหนดเป็นเส้นทางเสนอแนะจนกว่ารัฐบาลจะมีงบก่อสร้างและเวรคืนที่ดินก่อนจึงจะประกาศเป็นถนนบังคับ ซึ่งทำให้ในช่วงที่เป็นถนนแนะนำประชาชนและภาคเอกชนนำถนนไปจำนองหรือดำเนินการพัฒนาอื่นได้จนกว่าจะประกาศเวนคืน ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อย แต่ พ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดให้แนวถนนที่จะสร้างตามแผนจะประกาศล็อกทันทีไม่มีกำหนดจนกว่าจะมีงบลงมาก่อสร้าง ซึ่งไม่รู้ว่าต้องรอนานแค่ไหนทำให้เป็นการอนสิทธิ์ประชาชนจากการใช้ประโยชน์ที่ดิน

นอกจากนี้ แนวเส้นทางบางสายเป็นแผนเก่าที่วางไว้ตั้งแต่ปี 2547 ทำให้เกิดชุมชนเข้ามาหนาแน่นมากขึ้น เกิดหมู่บ้านจัดสรร รูปแบบที่ดินเปลี่ยนไปทำให้ไม่สอดคล้องความเป็นจริง

160733466711

“ที่ผ่านมาถนนหลายสายในฉะเชิงเทราต้องรองบเกือบ 30 ปี แต่ช่วงที่รองบยังใช้ประโยชน์ที่ดินได้ตามปกติ ซึ่งถนน 384 สาย จะต้องใช้งบกว่าล้านล้านบาท ไม่รู้จะมีงบประมาณขนาดนี้เมื่อไร และหากไม่มีการก่อสร้างก็ไม่มีใครรับผิดชอบกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีถนนผ่านที่ดินมาก”

ทั้งนี้ ภาคเอกชนเห็นด้วยกับนโยบายอีอีซีและการตัดหรือขยายถนนสายใหม่ เพราะสร้างความเจริญให้กับพื้นที่ แต่ในแผนส่วนที่เป็นปัญหาควรปรับแก้ ซึ่งภาคเอกชนอยากให้ สกพอ.ทำแผนสร้างถนนกำหนดเป็นแนวถนนเสนอแนะกรอบเวลา 3-5 ปี หากมีงบประมาณค่อยเป็นเส้นทางบังคับและเวนคืนก่อสร้างทันทีจะกระทบประชาชนน้อย

รวมทั้งถนนเส้นใหม่ที่เพิ่งวางแนวเส้นทางจากสภาพปัจจุบันควรเร่งก่อสร้างก่อน เพราะส่วนใหญ่ผ่านที่ดินว่างเปล่า มีบ้านเรือนน้อย ส่วนถนนที่วางแนวเส้นทางมานานควรพิจารณาให้รอบคอบสอกคลัองกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งบางเส้นทางก็อาจจะต้องยกเลิก

นางทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการ สกพอ. กล่าวว่า กพอ.พร้อมนำแนวคิดข้อเสนอแนะของทุกฝ่ายมาปรับปรุงแนวเส้นทางถนนก่อสร้างถนนให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์และกระทบประชาชนน้อยที่สุด ซึ่งหลังจากนี้จะหารือกับภาครัฐ เอกชนและประชาชน เพื่อทำแผนปฏิบัติการว่าเส้นทางใดควรสร้างก่อนหลังและจะปรับแนวเส้นทางอย่างไรให้มีผลกระทบน้อยที่สุดและเอื้อประโยชน์ต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ถนนและโครงสร้างพื้นฐานตอบสนองต่อความต้องการของคนในพื้นที่ โดยสำหรับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมี 2 นวทาง คือ 

1.หารือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำหนดเส้นทางถนนที่จำเป็นต้องสร้าง และเร่งจัดหางบประมาณก่อสร้างและเวนคืนในราคาที่เป็นธรรมเร็วที่สุด ส่วนถนนที่สำคัญรองลงมาจะปลดล็อกให้ประชาชนนำที่ดินไปทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้จนกว่าจะมีงบเวนคือก่อสร้าง

2.เข้าไปหารือกับทุกฝ่ายจัดลำดับการสร้างถนนเป็นระยะตามความสำคัญ และมีกรอบเวลาชัดเจน เพื่อให้ประชาชนเตรียมวางแผนถูกต้อง ซึ่งช่วงรองบประมาณจะปลดล็อกถนนในแผนทุกสายเพื่อไม่ให้กระทบประชาชน

“แผนงานทุกอย่างต้องอยู่บนความพอใจของประชาชน ซึ่งการปลดล็อคจะทำให้อนาคตรัฐจะต้องใช้งบประมาณเวนคืนสูงขึ้นบ้าง ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุดและประชาชนมีความสุข และถนนที่ขยายและสร้างใหม่ทุกสายจะต้องปรับให้เป็นไปตามบริบทที่ดินที่เปลี่ยนไป เพื่อให้คนในพื้นที่ได้ถนนและระบบสาธารณูปโภตามที่พอใจ”

160733469683

แหล่งข่าวจากสำนักโยธาธิการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า การสร้างถนนหรือขยายถนนในอีอีซีจะเป็นไปตามสีผังเมืองที่กำหนดไว้ โดยหากผังเมืองกำหนดเป็นพื้นที่สีแดงเพื่อเป็นเขตพาณิชยกรรมจะต้องตัดถนนรองรับการขยายตัวของปริมาณรถยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนพื้นที่สีเหลืองเพื่อที่พักอาศัยต้องมีถนนรองรับที่เหมาะสม และพื้นที่สีม่วงเพื่ออุตสาหกรรมต้องมีถนนเชื่อมโยงเส้นทางท่าเรือและระบบโลจิสติกส์

“ผังเมืองที่กำหนดเป็นสีต่างๆ ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะก่อให้เกิดการจราจรเพิ่มขึ้น จึงต้องออกแบบระบบคมนาคมรองรับ และผังเส้นทางถนนหลายสายใน จ.ฉะเชิงเทรา เป็นแนวถนนที่ไว้วางแผนไว้นานแล้ว ซึ่งพร้อมไปสำรวจเพื่อปรับเปลี่ยนให้เส้นทางถนนให้สอดคล้องสถานการณ์”