ส.ส.‘เต้ มงคลกิตติ์’ กับจุดยืนที่ ‘ไร้จุดยืน’

ในสภาวะที่การเมือง อยู่ในห้วงของการชุมนุม และการต่อสู้กันของ “ชุดความคิด” ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่ง “ม็อบ3นิ้ว” หรือ “กลุ่มคนเสื้อเหลือง”

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ในฐานะผู้แทนปวงชน ถูกตั้งความหวังว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการนำพาประเทศหลุดพ้นจากวิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้น

ทว่าในห้วงที่ผ่ามาเราอาจมีการตั้งคำถามถึงจุดยืนการทำหน้าที่ของสมาชิกในฐานะผู้ทรงเกียรติว่ามีมากน้อยเพียงใด

“เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะช่วงที่ผ่านมาหลายคนอาจสับสนถึงบทบทหน้าที่การเป็นส.ส. รวมถึงจุดยืนของเขาที่มีการเปลี่ยนไปมาในหลายครั้ง

หลังจากการเลือกตั้งวันที่24 มี.ค.2562 “ส.ส.เต้” เป็นหนึ่งในพรรคเล็กที่ได้รับอานิสงฆ์จากระบบเลือกตั้ง “ปัดเศษ” จนสามารถเข้าสภาฯได้สำเร็จ 

ก่อนที่เขาและตัวแทน10พรรคเล็กจะแถลงจุดยืนร่วมกันในเป็นพรรคร่วมรัฐบาลพล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐ

ทว่าหลังจากเลือกตั้งเพียง5เดือน   “เต้” ร่วมกับแกนนำ4พรรคเล็กแถลงจุดยืนเมื่อวันที่8ส.ค.2562  “ถอนตัว” จากเป็นจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลขอเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” ด้วยเหตุผล “รู้สึกอึดอัดจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล”

ตามมาด้วยวาทะกรรม “ฤาษีแจกกล้วย” ที่มีการฟาดปากกันไปมาระหว่าง5พรรคเล็กและ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” แกนนำพรรคพลังประชารัฐ

แต่จากนั้นเพียง4เดือน “เต้” และแกนนำ4พรรคเล็กกลับปรากฎภาพร่วมเฟรมพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ในงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล ที่สโมสรราชพฤกษ์เมื่อวันที่3ธ.ค.ซึ่งเป็นเสมือนการตอกย้ำข่าวคราวฤาษีแจกกล้วยตามที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า เคลียร์กันเรียบร้อย

และในห้วงที่การเมืองกำลังครุกรุ่นด้วย3ข้อเรียกร้องของม็อบราษฎร ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เต้และตัวแทนพรรคยังร่วมกันแถลงจุดยืนสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 โดยไม่แก้ไขเนื้อหาหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 สถาบันพระมหากษัตริย์

แต่ทว่าเมื่อร่างดังกล่าวเข้าสู่การลงมติรับหลักการในวาระแรก “เต้”กลับลงมติรับหลัการ7ร่างแก้ไขซึ่งหนึ่งในนั้นมีร่างแก้ไขฉบับไอลอว์ซึ่งมีสาระสำคัญในการแก้ไขทุกมาตราในรัฐธรรมนูญ ชนิดสวนมติพรรคร่วมรัฐบาล

ยังไม่นับรวมกับการปราฎตัวตามเวทีชุมนุม ทั้งชูสามนิ้วการชุมนุมคณะราษฎร63 ที่บริเวณสนามหลวงเมื่อวันที่19ก.ย. รวมถึงการปรากฎตัวท่ามกลางมวลชนเสื้อเหลือง 

ก่อนที่เขาจะแถลงประกาศออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ขอเปลี่ยนบทบาทเป็นฝ่ายค้านอิสระเป็นครั้งที่2เมื่อไม่นานมานี้ จนทำให้เกิดเสียงครหาเกี่ยวกับจุดยืนในตัวเขาที่มีการกลับไปมาหลายครั้ง

จนมีการตั้งคำถามถึงบทบาทหน้าที่ในฐานะการเป็นผู้แทนปวงชนซึ่งได้รับอานิสงฆ์จากระบบปัดเศษว่า  นอกเหนือจากการเปลี่ยนจุดยืนไปมาแล้ว 

ส.ส.เต้ผู้นี้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากไปกว่าความพยายามในการแสดงตัวตนทางการเมืองมากน้อยเพียงใด?