สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์วันที่ 30 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 2563

สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์วันที่ 30 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 2563

เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น ขณะที่หุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้ช่วงปลายสัปดาห์

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค แต่สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย โดยเงินดอลลาร์ฯเผชิญแรงขายท่ามกลางความหวังต่อการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ประกอบกับมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่องที่สะท้อนจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ การจ้างงานภาคเอกชนและดัชนี ISM ภาคบริการเดือนพ.ย. ที่ออกมาดีน้อยกว่าที่ตลาดคาดก็เป็นปัจจัยกดดันเงินดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน

- ในวันศุกร์ (4 ธ.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.15 เทียบกับระดับ 30.29 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (27 พ.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (7-11 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ มาตรการดูแลเงินบาทระยะที่ 2 ของธปท. ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ ปัจจัยทางการเมืองและสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) สำหรับเดือนธ.ค. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป และการประชุม EU Summit และข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนพ.ย. ด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

หุ้นไทยพลิกกลับมาปิดบวกได้ในช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,449.83 จุด เพิ่มขึ้น 0.84% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 88,504.12 ล้านบาท ลดลง 8.33% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.99% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 331.18 จุด

- หุ้นไทยร่วงลงช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและสถาบันรับผลการปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยในดัชนี MSCI และย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ดีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ประกอบกับหุ้นกลุ่มพลังงานมีแรงหนุนจากผลการประชุมของโอเปกพลัส ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีปัจจัยบวกจากการผ่อนเกณฑ์คุณสมบัติตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์โดยธปท.

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (7-11 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,430 และ 1,415 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,465 และ 1,485 จุดตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ประเด็นการเมืองของไทย การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตลอดจนประเด็น Brexit ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 3/63 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน