รองนายกฯลั่นจีดีพีกลับสู่ภาวะก่อนโควิดอีก12-18ด.ข้างหน้า

รองนายกฯลั่นจีดีพีกลับสู่ภาวะก่อนโควิดอีก12-18ด.ข้างหน้า

รองนายกฯ ชี้เศรษฐกิจไทยพลิกกลับมาสู่จุดเดิมก่อนโควิดได้ในอีก12-18เดือนข้างหน้า เดินหน้า 2 ภารกิจท้าทาย ประคองเศรษฐกิจปี 64 โต 3.4-4% และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว ชู12 อุตสาหกรรมเป้าหมายใน อีอีซี หลุดกับดักอุตสาหกรรมเก่าในปี 65 และขณะนี้ยังมั่นใจไม่เกิดโควิด-19 ระบาดระลอก2 ย้ำนโยบายคลังครบมือพร้อ

นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังจากการตรวจเยี่ยมและมอบการดำเนินงานแก่กระทรวงการคลังว่า ประเทศไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดของภาวะถดถอยแล้วและอยู่ในช่วงประคับประคองเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าให้ผ่านพ้นจากวิกฤติโควิด-19 ขณะที่การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 มีความคืบหน้าต่อเนื่อง

ดังนั้นเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้ระดับ 3.5-4% ในปี 2564 และน่าจะกลับมาสู่ภาวะก่อนโควิด-19 ได้ภายใน 12-18 เดือนข้างหน้าหรือภายในกลางปี 2565 จากวิกฤติโควิด-19ทำให้เศรษฐกิจถดถอยหดตัว 6%  

ทั้งนี้ มี 2 ภารกิจที่มีความท้าทายในปี2564 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คือ การประคับประคองเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วน และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ด้วยการขับเคลื่อน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ในเขตพื้นที่อีอีซี โดยมี 7 อุตสาหกรรมใหม่และ 5 อุตสาหกรรมเดิม วางเป้าหมายต้องหลุดพ้นจากกับดักอุตสาหกรรมเดิมให้ได้ คาดว่าจะเห็นชัดเจนภายในปี 2565 ซึ่งในปี 2564 เป็นการเตรียมความพร้อม   

ส่วนทางด้านความช่วยเหลือสภาพคล่องธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19นั้น มองว่า ขณะนี้การค้ำประกันสินเชื่อจากบสย. ยังเพียงพอ ส่วนข้อเสนอการตั้งกองทุนพยุงเอสเอ็มอีของทางฝั่งตลาดทุนนั้น ยังต้องพิจารณาเพิ่มเติมในรายละเอียดและความจำเป็น   

ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ ยังควบคุมได้ดี และมั่นใจว่า จะไม่มีการแพร่ระบาดระลอก 2 ทั้งนี้ยังคงติดตามสถานการณ์ไตรมาสต่อไตรมาส  ซึ่งนโยบายด้านการคลัง มีมาตรการต่างๆพร้อมรับมือในการดูแลและเยียวยาผลกระทบโควิด-19 และงบประมาณที่มีอยู่ก็ยังเพียงพอดูแลได้ โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มรวมถึงการเตรียมการสำรองไว้เช่นกัน

“ถ้าเกิดการระบาดหนัก เราก็ช่วยมาก นโยบายการคลังยังมีเพียงพอดูแลต้องช่วยกันประคับประคองกันไป   แต่เราเชื่อว่ายังไม่เกิดการระบาดระลอก 2 ต้องดูเป็นไตรมาสต่อไตรมาส และมองว่า เศรษฐกิจปีหน้าไม่ว่าอย่างไรดีกว่าปีนี้แน่นอนจากขณะนี้ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจต่างๆปรับตัวดีขึ้น ทั้งการท่องเที่ยว ส่งออกและการบริโภค รวมถึงปีหน้ายังเติบโตต่อได้ด้วย 2 ภารกิจหลัก ซึ่งกระทรวงการคลังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันต่อเนื่องจากปีนี้”