แกว่งขึ้นต่อ ปัจจัยต่างประเทศยังหนุนตลาด

แกว่งขึ้นต่อ ปัจจัยต่างประเทศยังหนุนตลาด

ปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นบวก น่าจะหนุนให้มีแรงซื้อสุทธิจากต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

มุมมอง SET Index: ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินดัชนีฯ วันศุกร์ปรับขึ้นต่อ แต่ให้ระวังแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว 3 วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากดัชนีฯ ขึ้นทดสอบระดับสูงสุดเดิมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ซึ่งทำไว้ที่ 1,444.53 จุด... ขณะที่เมื่อวานนี้หุ้นไทยบวกแรงกว่าที่เราคาด หลังจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก (global cyclical) แรลลี่ในช่วงบ่ายหนุน SET Index โดยรวม ขณะที่ในวันนี้ปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นบวก น่าจะหนุนให้มีแรงซื้อสุทธิจากต่างชาติอย่างต่อเนื่อง คาดว่าหุ้นนำตลาดน่าจะยังเป็นกลุ่มเดิมๆ คล้ายกับเมื่อวานนี้

ปัจจัยต่างประเทศ - เป็นบวก: แม้ว่าดัชนี ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ออกมาที่ 55.9 ซึ่งตํ่ากว่าที่ consensus คาด แต่ตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในเกณฑ์ดี และชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบน้อยจากการคุมเข้มกิจกรรมต่างๆ ในช่วงที่ COVID-19 กลับมาระบาดแรงในเดือน พ.ย. นักลงทุนจึงไม่ได้ให้น้ำหนัก
กับตัวเลขดังกล่าวนัก และให้ความสนใจกับปัจจัยบวก ได้แก่ i) ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากล่าสุดผู้นำวุฒิสภารีพับลิกัน (Mitch Mcconnell) และผู้นำสภาผู้แทนจากพรรคเดโมแครต (Nancy Pelosi) เห็นตรงกันว่าสหรัฐฯ ควรรีบผลักดันมาตรการกระตุ้นขนาดย่อม 9.1 แสนล้านดอลลาร์ฯ ออกไปก่อน และ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าพร้อมลงนามในมาตรการดังกล่าวหากได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ii) ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ฯ ร่วงลงต่อ สู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนเม.ย. 2561 ซึ่งส่งผลดีต่อจิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

ปัจจัยในประเทศ - เป็นกลาง: ในวันนี้ ไม่มีปัจจัยภายในประเทศที่มีนัยสำคัญต่อตลาดหุ้น ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยจะปิดทำการ 3 วัน (5-7 ธ.ค.) และในสัปดาห์หน้าจะซื้อขายเพียง 2 วัน (8-9 ธ.ค.) ก่อนหยุดทำการอีก 4 วัน (10-13 ธ.ค.) คาดว่าหากดัชนีฯ ปรับขึ้นต่อในวันนี้น่าจะมีแรงขายปรับพอร์ต/ลดความเสี่ยง เช่นกัน

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร TOP*, ILM, WHA*

- TOP* (เป้าพื้นฐาน 61 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 51 บาท / แนวต้าน 56.5 บาท (Stop loss 47.5บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q63 Turnaround YoY โดยคาดจะมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น GPSC 5.6 พันล้านบาท ขณะที่ค่าการกลั่นพ้นจุดต่ำสุดใน 3Q63 3) ประเมินแนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นฟื้นตัว Turnaround YoY ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ... คาดค่าการกลั่นและปริมาณการกลั่นดีขึ้น YoY

- ILM (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 13.9 บาท / แนวต้าน 14.5 - 15.5 บาท (Trailing stop 13.5 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q63 ยังดีต่อเนื่องจากการยึดกลยุทธ์ i) ลดต้นทุน ตัดรายจ่าย (ลด SG&A) และ ii) เพิ่มอัตรากำไร (ปรับ Product mix, ลดต้นทุนแรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์) รวมทั้งได้อานิสงส์โครงการ ช้อปดีมีคืน 3) หาพันธมิตรใหม่ i) ช่องทางออนไลน์ (NocNoc.com), ผู้รับเหมาสร้างบ้าน (Landy Home), ค้าปลีก (SCG, บุญถาวร) 3) PE ปี 2564 ต่ำเพียง 13.4 เท่า ... ค่าเฉลี่ย PE ของกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์ สูงราว +30 เท่า

- WHA* (เป้าพื้นฐาน 3.0 บาท ... เป้า Consensus 3.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 3.1 บาท / แนวต้าน 3.36 - 3.40 บาท (Trailing stop 3.04 บาท) 2) คาด 4Q63 จะรับรู้รายได้การขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT และแนวโน้มประมาณการฯปี 2564 มี Upside หากประเด็นเรื่องโควิด-19 คลี่คลายได้เร็วเนื่องจากประเมินดีมานด์การลงทุนที่จะเร่งตัวขึ้นในปีหน้า 3) PE ปีหน้า จะลดลงเหลือ 15.6 เท่า จากปีนี้ที่ 18.8 เท่า ตามการคาดหวังการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน ... ข้อมูล Bloomberg consensus

หุ้นมีข่าว

(0) BTS* เผยว่า อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสายไม่เกิน 65 บาทเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว ขณะทื่กระทรวงคมนาคมเห็นว่า อัตราค่าโดยสารสูงสุดควรลดลงได้อีก 20% จากระดับ 65 บาท (กรุงเทพธุรกิจ) เรามองข่าวดังกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ตํ่าที่ BTS จะยอมรับข้อโต้แย้งของกระทรวงคมนาคม โดย BTS เผยว่า ความแตกต่างระหว่างสัญญาสัมปทานของ BTS กับ BEM มีความแตกต่างกัน ได้แก่ i) ต้นทุนงานก่อสร้างโยธาที่สูงกว่าของ BTS (ไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล) ii) การแบ่งรายได้ให้กับ กทม. ทุกปี ดังนั้น ถ้า BTS ไม่ยอมรับอัตราค่าโดยสารใหม่ จะทำให้อัตราค่าโดยสารสูงสุดจะเป็น 158 บาทในอนาคต (เดินทางตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง) ในเบื้องต้น เราคาดว่า การต่อสัญญาสัมปทานออกไป 30 ปี ด้วยอัตราค่าโดยสารสูงสุด 65 บาท อาจเพิ่มมูลค่าให้กับ BTS ราว 3-4 บาท แต่หากลด 20% สำหรับอัตราค่าโดยสารสูงสุด อาจเพิ่มมูลค่าได้ 2.4 บาท อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำซื้อ BTS โดยให้ราคาเป้ าหมายไว้ที่ 13.50 บาท

(+) BGRIM* ชูไฟฟ้าเวียดนาม เล็ง LNG ร่วมค้า 8 พันเมก (ทันหุ้น) เปิดวิสัยทัศน์ "ฮาราลด์ ลิงค์" ประธาน BGRIM ตั้งเป้ารายได้ทั้งกลุ่มชน 1.5 แสนล้านบาท ภายในปี 2571 ชูพอร์ตโรงไฟฟ้าทำเงินกว่า70% เล็งศึกษาโอกาสลงทุน LNG to Power ในเวียดนามกว่า 8 พันเมกะวัตต์ พร้อมจับมือพันธมิตร
PTT-AMATA-GPSC พัฒนานิคมเมียนมา คาดเซ็น MOU ต้นปี 2564

(+) PRINC ผนึก BH* ตามนัด ลุยตั้งศูนย์รักษามะเร็ง (ข่าวหุ้น) “PRINC” ส่ง “พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์”ผนึกกำลัง “BH” ชูจุดแข็งศูนย์มะเร็งฮอไรซัน ตั้ง “ศูนย์รักษามะเร็ง” นำร่อง 2 แห่งที่โรงพยาบาลพิษณุเวชพิษณุโลก และโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการภายในไตรมาส 1/64

(+) แบงก์พากันเฮสนั่น ธปท.สั่งปรับเกณฑ์ เติมเทียร์ 1-2 ง่ายขึ้น (ข่าวหุ้น) แบงก์ชาติปรับเกณฑ์ตราสารของธนาคารที่ออกมาเติมเงินกองทุนเทียร์ 1-2 จาก “เข้มงวดกว่าสากล” เป็น “เท่ากับสากล”เปิดทางแบงก์จ่ายผลตอบแทนได้ ไม่ต้องขออนุญาตธปท. หากเงินกองทุนสูงกว่าเกณฑ์ ส่งผลระดมเงินง่ายขึ้นต้นทุนต่ำลง ส่วน BIS Ratio ระบบแบงก์เฉลี่ยยังสูงลิ่ว 19.43% ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เผยส่งผลบวกต่อแบงก์ทั้งหมด

(+) AIE โค้งท้ายสุดพีค B10 เปรี้ยงปาล์มสูง (ทันหุ้น) "ธนิตย์" ลั่น AIE โค้งสุดท้ายสุดพีค เข้าไฮซีซันยอดขายโตกระฉูด จากความต้องการใช้น้ำมันเดินทาง ขณะที่ราคาปาล์มสูง ดันกำไรด้านธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้า AI มาร์จิ้นโต ต้นทุนก๊าซลด จับตาผลงานไตรมาสสุดท้าย หลัง 9 เดือนแรกกำไรทุบสถิติไปแล้ว

(+) MICRO พอร์ตปี 64 โต 30% วางเป้าสินเชื่อใหม่ 2.5 พันล. (ทันหุ้น) MICRO กางแผนปี 2564 พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% หรือแตะ 3-4 พันล้านบาท หลังเห็นความต้องการเช่าซื้อรถบรรทุกยังมีอยู่อีกมาก เล็งอัดเม็ดเงิน 2.5 พันล้านบาท ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ ตอบสนองความต้อง
พร้อมคุม NPL ตํ่า 3% ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 โตต่อ เล็งปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 160 ล้านบาท

(+) PTG* จัดพันล.ลุย Non-Oil มีดีลซื้อกิจการอัพพอร์ต (ทันหุ้น) PTG* กางแผนปี 2564 อัดฉีดงบ 1,000 ล้านบาท ลงทุนต่อยอดธุรกิจ Non-Oil รวมมากกว่า 300 สาขา รวมถึงลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องธุรกิจหลัก ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการ คาดสรุปได้ 1 ดีล ในปี 2564 ปักธงรายได้รวม
และปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปีหน้าเติบโตไม่น้อยกว่า 8-12%