เพื่อไทยตั้งกก.พัฒนาพื้นที่เล็งส่งส.ส.ครบ 350 เขต

เพื่อไทยตั้งกก.พัฒนาพื้นที่เล็งส่งส.ส.ครบ 350 เขต

เพื่อไทยตั้งกก.พัฒนาพื้นที่เล็งส่งส.ส.ครบ 350 เขต “ประเสริฐ” ชี้ กก.การเมือง ไม่เหมือนกก.ยุทธศาสตร์ ทำหน้าที่ “ประเมิน-วิเคราะห์” กำหนดทิศทางให้ไปในทางเดียวกัน

ที่พรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ได้นัดประชุมแกนนำพรรค อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค

 

นายสมพงษ์ แถลงผลการประชุมว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์การเมืองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเพื่อให้การทำงานของเราเท่าทันมีความเหมาะสม จึงได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาชื่อว่าคณะกรรมการการเมือง โดยมีนายชัยเกษม เป็นประธานฯ โดยมีนายเสนาะ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นที่ปรึกษา และมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นเลขานุการฯ

 

นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติให้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้ง เนื่องจากที่ผ่านมามีการเข้า-ออก ของสมาชิกจำนวนมาก เราจึงต้องทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องพื้นที่ ที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า เราจะขยายเขตเลือกตั้งในการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง โดยเราจะส่งครบทั้ง 350 เขต ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาเขตเลือกตั้ง

 

“เรายังมีหน่วยงานเพื่อจัดอบรมให้กับสมาชิกพรรค บุคคลทั่วไป หรือคนที่สนใจการเมือง ให้เป็นนักประชาธิปไตย นักการเมืองรุ่นใหม่ ซึ่งจะเกิดประโยนชน์ต่อพื้นที่ต่างๆ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการให้เดือนมกราคม 2564 นี้” 

สำหรับเรื่องการส่งตัวแทน 2 คน ไปเป็นกรรมการสมานฉันท์ฯ ตามที่สภามีหนังสือแจ้งมานั้น ในพรรคร่วมฝ่ายค้านเราได้มีการปรึกษาหารือกันแล้ว และมีมติว่าเราจะไม่ส่งตัวแทนเข้าไปร่วมกรรมการชุดดังกล่าว ด้วยเหตุผลคือ เราได้ดูองค์ประกอบของคณะกรรมการแล้ว เห็นว่ายังไม่มีความเป็นกลางเพียงพอที่เราจะเข้าไปร่วมได้ อีกทั้งคู่ขัดแย้งหลักก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับกรรมการชุดดังกล่าว ทำให้ไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะจบได้ หรือจบลงอย่างไร ทำให้พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติไม่ร่วมสังฆกรรมในครั้งนี้

ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า ภารกิจของคณะกรรมการการเมือง จะได้ทำหน้าที่ในการประเมิน วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง เพื่อที่จะได้กำหนดท่าที บทบาทของพรรคให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และเป็นไปในแนวเดียวกัน รวมทั้งติดตามการทำงานต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนการตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้ง เหตุผลสำคัญหนึ่งก็เพื่อเป็นการขยายฐานเสียง ขยายฐานสมาชิกของพรรคให้เพิ่มมากขึ้น

 

“การตั้งคณะกรรมการการเมืองครั้งนี้ มีความต่างจากคณะกรรกมายุทธศาสตร์เดิม เนื่องจากเป็นการรวบรวมคนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ เข้ามาทำงานร่วมกัน และมีการกระจายอำนาจไปในส่วนต่างๆ เชื่อว่าการทำงานจะออกมาดี” นายประเสริฐ กล่าว

 

นายประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พรรคเพื่อไทยได้ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเราได้มีส.ส.แปรญัตติจำนวน 37 คน ในประเด็นสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อที่น้องประชาชน โดยไม่เราได้ทิ้งประเด็นของร่างแก้ไขฉบับไอลอว์ ที่มีหลักการที่สอดคล้องกัน ส่วนกฎหมายประชามติ เราจะได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ให้กฎหมายออกมาใช้ ไม่เหมือนการทำประชาชมติเหมือนครั้งที่ทำกับรัฐธรรมนูญปี 60 ที่มีการจำกัดสิทธิ์ ไม่ให้มีการแสดงความเห็นอย่างเต็มที่