ผันผวน

ผันผวน

ตลาดหุ้นวานนี้ปิดปรับตัวขึ้นแรงกว่า 20 จุด หลังจากที่ตลาดซึมซับข่าวร้ายประเด็นผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ภายในประเทศในวันก่อนหน้า

ขณะที่วานนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคปรับตัวขึ้น ขานรับการอนุมัติใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในประเทศโซนยุโรป ประกอบกับดัชนีภายในประเทศยังได้แรงหนุนจากกลุ่ม ENERG ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,438.32 +20.37 จุด +1.44% มูลค่าการซื้อขาย 8.26 หมื่นลบ. ต่างชาติ +967.64 บาท TFEX -13,188 สัญญา ตราสารหนี้ -250 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ดัชนีดาวโจนส์ปิด +85.73 จุด +0.29% ได้แรงหนุนจากตัวเลขคนว่างงานสหรัฐลดมากกว่าคาด และคาดหวังมาตรการกระตุ้นศก.สหรัฐ แต่ถูกกดดันข่าวไฟเซอร์ลดเป้าหมายจัดส่งวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในปีนี้
+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +36 เซนต์ +0.8% ปิดที่ 45.64 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มโอเปคและชาติพันธมิตรมีมติคงนโยบายลดการผลิตและตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงติดกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
+สหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดนับตั้งแต่โควิด-19 แพร่ระบาด
+ธปท.ผ่อนเกณฑ์คุณสมบัติตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์รองรับความไม่แน่นอนในอนาคต
+ FETCO เผยแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 64 มีโอกาสกลับมายืนเหนือระดับก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ที่บริเวณ 1,580 จุด รับปัจจัยหนุนภาวะศก.ฟื้นตัวและเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย
+ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และปรับตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่มี.ค.63 จากการกระตุ้นศก.และราคาพืชผลการเกษตรดีขึ้น

ปัจจัยลบ

+/-ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐพุ่งสูงสุดรอบกว่า 5 ปีในเดือนพ.ย. สวนทางกับ ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐต่ำสุดรอบ 6 เดือนในพ.ย.
-การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังสาหัสทั้งในต่างประเทศและในไทยสหรัฐและรัสเซียเผยยอดตายจากโควิด-19 วันเดียวพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่เชียงรายพบติดโควิดในประเทศรับเชื้อจากเพื่อนสาวลอบเข้าเมือง
- เงินบาทเปิดตลาด'ทรงตัว'ที่ 30.19บาทต่อดอลลาร์ตลาดรอดูกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายเป็นหลัก
-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลดลง 7.24 จุด -0.21%
+ดัชนีนิกเกอิปิดเพิ่มขึ้น 8.39 จุด +0.03% เช้าเปิด -112.11 จุดวิตกข่าวไฟเซอร์ลดส่งมอบวัคซีนโควิด

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากความวิตกกังวลหลังจากบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ประกาศลดเป้าหมายการจัดส่งวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในปีนี้ ประกอบกับการที่เชียงรายพบติดโควิดในประเทศ รับเชื้อจากเพื่อนสาวที่ลักลอบเข้าเมือง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,425-1,444 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• ความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19 MINT ERW CENTEL AWC CRC BH BDMS
• กพช.ไฟเขียว โรงไฟฟ้าชุมชน ACE PSTC TPCH

หุ้นรายงานพิเศษ

        ORI     “ซื้อสะสม” (IAA Consensus 8.80 บาท)

•(+/-) 3Q63 กำไร 717 ล้านบาท ทรงตัว YoY QoQ ความสามารถในการทำกำไรโดดเด่นในกลุ่มอสังหาฯโดยมี %GP 41% และ %NP 26% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 30% และ 6% ตามลำดับ การเริ่มโอนโครงการร่วมทุนส่งผลให้พลิกมีส่วนแบ่งกำไร 251 ล้านบาทจากขาดทุน 111 ล้านบาทในช่วง 3Q62 งวด 9M63 กำไร 2,019 ล้านบาท -6%YoY คิดเป็น 72% ของประมาณการกำไรเฉลี่ยจาก Bloomberg Consensus ที่ 2,813 ล้านบาท

•(+) ยอดขาย presale งวด 9M63 เท่ากับ 1.9 หมื่นล้านบาท โดยคิดเป็น 88% ของเป้า คาดยังเพิ่มขึ้นใน 4Q63 จากแผนเปิดขาย 6 โครงการใหม่ซึ่งมีทั้งคอนโดฯและบ้านเดี่ยว มูลค่ารวม 8,900 ล้านบาทผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายเฉพาะ Q4 ราว 2 พันล้านบาท วานนี้พานักวิเคราะห์เยี่ยมชมโครงการบ้านหรู Belgravia มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 28 ล้านบาทอยู่ในกลุ่มระดับราคา 20-30 ล้านบาทซึ่งมีผลการศึกษาพบว่าในตลาดมีสินค้าคงเหลือน้อยที่สุด

•แนวโน้ม 4Q63 ผลการดำเนินงานยังเติบโตต่อเนื่อง โดยมีแผนโอนโครงการใหม่รวม 8 โครงการ backlog ปลายงวด 3Q63 ราว 3.8 หมื่นล้านบาทที่จะโอนถึงปี 67 ส่วนที่จะโอนภายในปี 63 ราว 4.7 พันล้านบาท

•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกจากปัจจัยพื้นฐานดีเหมาะลงทุนระยะยาวรับเงินปันผลโดยมี backlog แข็งแกร่ง yield ดี PE ต่ำ IAA Consensus คาดการณ์ yield 5.6% ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E 7x ต่ำกว่ากลุ่มที่ระดับ 17x

หุ้นมีข่าว

(+) PRINC (Bloomberg Consensus - บาท) ส่ง “พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์” ผนึกกำลัง “BH” ชูจุดแข็งศูนย์มะเร็งฮอไรซัน ตั้ง “ศูนย์รักษามะเร็ง” นำร่อง 2 แห่งที่โรงพยาบาลพิษณุเวช พิษณุโลก และโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการภายในไตรมาส 1/64 (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SAT (Bloomberg Consensus 4.00 บาท) ลั่นยอดขายไตรมาส 4/63 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้น-ได้ออเดอร์ "Axle Shaft" ส่งตลาดอเมริกาเหนือ ยันคงนโยบายจ่ายปันผล 30% พร้อมคาดปี 64 ยอดขายขยายตัวตามอุตสาหกรรมโต 7-8% (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BAM (Bloomberg Consensus 24.82 บาท) ลุ้นบุ๊ก DTA เข้าไตรมาส 4/2563 เล็งพิจารณาดึงร่วมปันผลปี 2563 มั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่ง ยันปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เผยยังมีวงเงินในการออกหุ้นกู้อีก 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2564 โต 5% เตรียมงบซื้อหนี้ 1.5 หมื่นล้านบาท มองหนี้เสียในระบบกว่า 1.8 ล้านล้านบาท เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหนี้มาบริหารเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PTG (Bloomberg Consensus 21.50 บาท) กางแผนปี 2564 อัดฉีดงบ 1,000 ล้านบาท ลงทุนต่อยอดธุรกิจ Non-Oil รวมมากกว่า 300 สาขา รวมถึงลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องธุรกิจหลัก ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการ คาดสรุปได้ 1 ดีล ในปี 2564 ปักธงรายได้รวมและปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปีหน้าเติบโตไม่น้อยกว่า 8-12% (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตา

ในประเทศ

สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์

สัปดาห์ที่ 4 ก.พาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-น้าเข้า

23 ธ.ค. ประชุมกนง.เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

สัปดาห์ที่ 5 ส้านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

ส้านักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

30 ธ.ค. ธปท.รายงาภาวะเศรษฐกิจไทยรายเดือน

ต่างประเทศ

4 ธ.ค. สหรัฐเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค.และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.

7 ธ.ค. จีนเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ย. ทุนส้ารองเงินตราต่างประเทศเดือนพ.ย.

ญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีชี้น้าเศรษฐกิจเดือนพ.ย.