เฟทโก้ ชี้ เงินทุนต่างชาติไหลเข้า หนุนหุ้นไทยปีหน้าพุ่ง

เฟทโก้ ชี้ เงินทุนต่างชาติไหลเข้า หนุนหุ้นไทยปีหน้าพุ่ง

‘เฟทโก้’ชี้แนวโน้มเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยต่อเนื่อง จ่อลงทุนกลุ่มหุ้นวัฏจักร รับอานิสงส์พื้นฐานเศรษฐกิจกิจแกร่ง-คุมโควิดได้ดี ดันดัชนีทะลุ 1,580 จุด ขณะที่ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนร้อนแรงรอบ 2 ปี

ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดวานนี้(3ธ.ค.) ที่1,438.32 จุด เพิ่มขึ้น 20.37 จุด หรือ 1.44% มูลค่าการซื้อขาย 82,636 ล้านบาท เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่ขานรับการผลิตวัคซีนที่มีความคืบหน้า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิอีก 967 ล้านบาท 

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ เฟทโก้ เปิดเผยว่า แนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติยังมีโอกาสไหลเข้าไทยต่อเนื่องถึงปีหน้า เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งและควบคุมการระบาดโควิด-19 ได้ดี ประกอบกับอัตรากำไรต่อหุ้น(EPS)ในปีหน้าจะเติบโตถึง 40% จากฐานที่ต่ำในปีนี้ เพราะหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในตลาดที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเศรษฐกิจ ทำให้ไทยยังเป็นตัวเลือกหลักของนักลงทุนต่างชาติที่มองหาการลงทุนที่มีอัพไซด์

การไหลเข้ามาของเงินทุนต่างชาติจะเข้ามาซื้อในหุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่อาจมีเงินเก็งกำไรบ้าง สำหรับหุ้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจฟื้นเร็ว ได้แก่ กลุ่มการบริโภค กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มแบงก์ ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรมและสนามบิน เป็นหุ้นที่น่าจะฟื้นช้าที่สุด

ดังนั้นแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2564 ยังเป็นขาขึ้นและน่าจะกลับไปสู่จุดเดิมก่อนโควิด-19 ที่ 1,580 จุด บริเวณนี้ก่อนและมีโอกาสไปต่อได้ เช่นเดียวกับในหลายประเทศ ที่ขณะนี้ดัชนีกลับมายืนเหนือจุดเดิมก่อนโควิด-19 กันหมดแล้ว

ส่วนกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศในช่วงนี้ เช่น เชียงราย ยังต้องติดตามต่อว่าจะหนักแค่ไหน แต่คาดว่าไม่มีผลต่อตลาดหุ้นมากนัก คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังจะทรงตัวอยู่แถวระดับนี้ไปจนถึงสิ้นปี ประกอบกับตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาเร็ว อาจมีแรงเทขายระยะสั้นออกมา แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะไม่ปรับตัวลงแรงไปเท่ากับเมื่อเดือนมี.ค.2563 

นายไพบูลย์ กล่าวว่า เดือนพ.ย. ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 17.9% ถือว่าสูงสุดในภาคภูมิภาคเอเชียและเกือบสูงที่สุดของโลก โดยได้อานิสงส์จากความคาดหวังประโยชน์จากภาคการท่องเที่ยวที่จะเริ่มกลับมาและความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ที่ออกมาเป็นระยะๆ

ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศ ถ้าไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหม่หรือทำให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ คาดว่ากระทบบรรยากาศการลงทุนชั่วคราว แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องนักลงทุนให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจและกระแสเงินทุนต่างชาติมากกว่า

ด้านผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนพ.ย. 2563 พบว่า ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 161.41 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 161% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” หรือ Very Bullish เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี

นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้ามาของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมา คือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงผลสำเร็จของวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากปัจจัย     ดังกล่าว ส่งผลให้เงินลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยเป็นบวกสุทธิเป็นเดือนแรกของปี

 ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดพลังงาน และหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดประกันภัยและประกันชีวิต