'ฟาสซิโน’ปั้น‘พลัส’ไลฟ์สไตล์ดรักสโตร์

'ฟาสซิโน’ปั้น‘พลัส’ไลฟ์สไตล์ดรักสโตร์

จากร้านขายยาคูหาเดียวเล็กๆ หน้าโรงพยาบาลศิริราชเมื่อ 37 ปีก่อน ขยับสู่แบรนด์จุดหมายปลายทางของคนรักสุขภาพ หรือ Healthcare Destination เป็นทั้งค้าส่งและ “ร้านขายยาปลีก” รวมถึงมีแบรนด์สินค้าของตัวเอง นับเป็น “จุดแข็ง” ทำให้ฟาสซิโน ต่อยอดธุรกิจต่อเนื่อง

ทายาทรุ่นที่ 2 ของครอบครัวพิศาลวาเลิศ ญาณิน พิศาลวาเลิศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โปรฟาสซิโน จำกัด และ บริษัท ฟาร์มาฮอฟ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก เวชภัณฑ์ยา อุปกรณ์การแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ภายใต้แบรนด์ร้านขายยา ฟาสซิโน (FASCINO) กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นของร้านขายยา “เภสัชสัมพันธ์ ที่คุณพ่อและคุณแม่ ภก. ไชยเสน และ ภญ. อรพินท์ พิศาลวาเลิศ ได้สร้างไว้ กว่าจะพัฒนาสู่ชื่อ ฟาสซิโน ไม่ใช่เรื่องง่าย!  

วันนี้ทุกคนรู้จัก ฟาสซิโน ร้านยาที่มีสินค้าครบครันในแบบ “One Stop Service & Best Delivery” ในฐานะผู้บริหารในยุคดิจิทัล ดิสรัปชัน (Digital Disruption)  

เรามีหน้าที่สานต่อและพัฒนาจุดแข็งนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ดีที่สุด!"  

ฟาสซิโน มีสินค้ากว่า 10,000 รายการ ซึ่งเป็นจุดขายตั้งแต่เริ่มสร้างแบรนด์!  ได้พัฒนาและเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มสินค้าทั้งสินค้าเพื่อสุขภาพอื่นๆ ของคนที่ไม่ได้ป่วย แต่อยากดูแลสุขภาพ อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ฯลฯ มีวาไรตี้เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยก็ว่าได้

สินค้าภายในร้านฟาสซิโน แบ่งเป็น ยา 55% เครื่องมือแพทย์ 15% Patient support 8% ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 12% เครื่องสำอางและเวชสำอาง 5% และอื่น ๆ อีก 4% 

ธุรกิจยา เป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโต โดย 10 ปีข้างหน้า คาดมูลค่าแตะ 90,000-100,000 ล้านบาท ซึ่งจากผลวิจัยพบว่าทางเลือกแรกของคนเจ็บป่วยไม่รุนแรง คือ ร้านขายยามีมากถึง 32% คนเลือกไปโรงพยาบาลเอกชน 25%  ไปโรงพยาบาลรัฐเป็นตัวเลือกแรกเพียง 16% ซึ่งคนไทยเสียค่ายาในร้านขายยาเฉลี่ยครั้งละ 150-200 บาท และตัวเลขค่าใช้จ่ายตรงนี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี! 

สะท้อนว่าคนยุคใหม่เลือกเดินเข้าร้านขายยาไปซื้อยาทานเองมากขึ้น แทนการไปพบแพทย์ในโรงพยาบาล ด้วยเหตุผล คุ้มค่า สะดวก ไม่เสียเวลารอคิว หรือเสียเวลาเดินทาง

ยิ่งขณะนี้ Health and Wellness คือโกลบอลเทรนด์ที่ทุกธุรกิจเล็กหรือใหญ่หันมาสนใจลงทุน โดยเมืองไทยมีค้าปลีกยักษ์ใหญ่หลายแบรนด์เริ่มหันมาทำร้านขายยา ปัจจุบันตลาดรวมมีกว่า 16,000 แห่ง เป็นร้านขายยาแบบเชน 1,400 แห่ง คิดเป็น 9% อีก 14,600 แห่ง เป็นร้านขายยาเดี่ยวของผู้ประกอบการรายย่อย 91% 

ในส่วนฟาสซิโน ปี 2562  ขยายตัว 16% จากปี 2561 ปีนี้ผลจากโควิดทำให้มีการชะลอตัวพอสมควร คาดเติบโต 7% และมีโอกาสกลับมาโตมากกว่า 10% ในปีต่อๆ ไป ด้วยการปรับตัวเพิ่มศักยภาพสื่อสารกับลูกค้าให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคโซเชียล ทรานส์ฟอร์เมชั่น  โดยเปิดช่องทางให้ลูกค้าปรึกษาเรื่องสุขภาพในช่องทางไลน์ คอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งเลือกซื้อสินค้ากลุ่มสุขภาพผ่านออนไลน์ www.fascino.co.th

ล่าสุด ได้พัฒนาร้านโมเดลใหม่ ฟาสซิโน พลัส (Fascino Plus) ซึ่งจะมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ตามยุทธศาสตร์ที่ต้องการก้าวไปสู่ ไลฟ์สไตล์ดรักสโตร์ ไม่ใช่ว่าต้องป่วยจึงจะมาที่นี่

เราอยากให้เกิดเทรนด์ใหม่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แทนที่จะไปห้าง อาจเปลี่ยนมาหาความรู้ในการดูแลสุขภาพที่ฟาสซิโน พลัส แทน ซึ่งมีความหลากหลายทั้งอาหารเพื่อสุุขภาพ อุปกรณ์ออกกำลังกาย สมาร์ทเฮลธ์ดีไวซ์ มานั่งเล่น ทานอาหาร เล่นอินเตอร์เน็ตได้

ปัจจุบัน ฟาสซิโน มีสาขา 105 แห่งทั่วประเทศ บริษัทดำเนินการเอง 100 สาขา อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 26 สาขา ต่างจังหวัด 74 สาขา อีก 5 สาขาเป็นแฟรนไชส์ เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายใน 2-3 ปีข้างหน้าจะมีโอกาสขยายตัวด้านแฟรนไชส์มากกว่า 20 สาขา รวมถึงโอกาสเปิดตลาดในซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ถือเป็นความท้าทายใหม่ในอนาคต!

ฟาสซิโน ยังวางนโยบายชัดเจนในเรื่องร้านขายยาที่มีเภสัชกรคอยให้คำแนะนำเรื่องยาประจำทุกร้าน ถือเป็นจุดแข็งของแบรนด์และเภสัชกรที่ทำงานครบ 3 ปี สามารถเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ได้ โดยการลงทุนแฟรนไชส์ มีอายุ 10 ปี ค่าแฟรนไชส์ไลเซนส์ซิ่ง 1.5 ล้านบาท เภสัชกรฟาสซิโนได้สิทธิ “แฟรนไชส์ ฟี” ครึ่งราคา 7.5 แสนบาท