DOHOME - ถือ

DOHOME - ถือ

SSSG อาจพลิกเป็นบวกได้ในไตรมาสที่สี่

Event

อัพเดตข้อมูลบริษัท, ปรับประมาณการ และปรับราคาเป้าหมาย

lmpact

SSSG ทรงตัว QTD

SSSG ของ DOHOME เริ่มมีแรงส่งด้านบวกในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่พายุผ่านพ้นไปและชดเชย SSSG ที่ติดลบในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ SSSG QTD ทรงตัว YoY โดยเราคาดว่า SSSG จะอยู่ในระดับเลขตัวเดียวสูง ๆ ในเดือนธันวาคมเนื่องจากพายุผ่านพ้นไปแล้ว และเริ่มเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว รอบใหม่ (DOHOME มีสาขา 4 แห่งในภาคอีสาน คิดเป็นรายได้กว่า 50% ของรายได้รวม) ดังนั้น เราจึงคาดว่า SSSG ของ DOHOME อาจจะพลิกเป็นบวกได้ใน 4Q63 และทำให้ SSSG ในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 0.0-1.5% ใกล้เคียงกับสมมติฐานปีนี้ของเราที่ 0.5% ทั้งนี้ ดูเหมือนบริษัทจะขยายสาขา DOHOME to
Go ในปีนี้ได้มากกว่าสมมติฐานของเรา ซึ่งอาจจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นและสัดส่วนยอดขายสินค้า house brand ดีขึ้น

ยังคงคาดว่ากำไรจะโต 34% YoY ในปี 2564

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563-65 ขึ้นอีกประมาณ 4% หลังจากที่เราปรับสมมติฐานใหม่ดังนี้ i) ปรับเพิ่มจำนวนสาขาที่เปิดใหม่ (DOHOME to Go) ในปีนี้จาก 6 สาขา เป็น 7 สาขา และปีหน้าจาก 10 เป็น 15 สาขา ตามข้อมูลที่ได้จากผู้บริหาร ii) ปรับเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้า house brand ขึ้นอีก 0.1-0.2% เป็น 16.8% - 17.4% ในปี 2563-2565 (ยังต่ำกว่าเป้ าของบริษัทที่ 20% ภายในปี 2563 ทั้งนี้ สัดส่วนยอดขายสินค้า house brand ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1% จะทำให้กำไรสุทธิของ DOHOME เพิ่มขึ้นประมาณ 3%) และ iii) ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2563-65 ขึ้นอีก 0.1ppts โดยสรุป เราคาดว่ากำไรปี 2564 จะโต 34% YoY และปี 2565 จะโต 20% YoY จากจำนวนสาขา และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น

Valuation & Action

เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 ขึ้นจากเดิมที่ 14.30 บาท เป็น 14.90 บาท อิงจาก PER ที่ 34.0x(ค่าเฉลี่ยระหว่าง Siam Global House (GLOBAL.BK/GLOBAL TB)* และ Home Product Center (HMPRO.BK/HMPRO TB)* +0.5 S.D.) แต่เนื่องจากเหลือ upside จากราคาปิดล่าสุดอีกแค่ 5% เท่านั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ถือ อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าว่าการที่ SSSG มีโอกาสพลิกมาเป็นบวกได้ใน 4Q63 ซึ่งจะทำให้ DOHOME โดดเด่นเหนือหุ้นอื่นในกลุ่ม และอาจจะเป็นโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่วางแผนไว้, ราคาพืชผลตกต่ำ, ภัยธรรมชาติ, สินค้าค้างสต็อกเพิ่มมากขึ้น, ความนิยมของผู้บริโภค และกระแสตลาดเปลี่ยนแปลงไป