ศุภาลัยรุก‘ตจว.-ตปท.’กระจายเสี่ยงธุรกิจ

ศุภาลัยรุก‘ตจว.-ตปท.’กระจายเสี่ยงธุรกิจ

“ศุภาลัย” แย้มแผนปี 64 ลุยเปิดแนวราบ 20 จังหวัด รุกลงทุนต่างประเทศกระจายความเสี่ยง เพิ่มโอกาสธุรกิจในอนาคต หวังดันยอดขายโตกว่าปี 63

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนธุรกิจของบริษัทในปี 2564 จะสรุปผลอย่างเป็นทางการหลังประชุมวันที่ 7-8 ธ.ค.นี้ ตามแผนเบื้องต้นจะมีการลงทุนเปิดโครงการใหม่กว่า 30 โครงการ แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 3-5 โครงการ ขนาดและจำนวนยูนิตขึ้นอยู่กับทำเล ซึ่งขณะนี้ ซัพพลายในตลาดยังคงมีสต็อกเหลืออยู่พอสมควรจึงต้องรอให้มีการดูดซับสินค้าอีกระยะหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะเป็นโครงการ แนวราบ เพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งสร้างครอบครัว เพราะมีความต้องการที่อยู่อาศัยสูงโดยมีแผนการลงทุนใน 20 จังหวัด อาทิ จังหวัดลำพูน ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น คิดเป็นสัดส่วน 1ใน3 ของการลงทุนเพื่อรองรับโครงการแนวราบ

ขณะเดียวกันมุ่งขยายฐานการลงทุนออกต่างประเทศมากขึ้นทั้งในประเทศออสเตรเลียที่ได้ร่วมทุนไว้ 12 โครงการคิดเป็นมูลค่าหมื่นล้านบาท เพราะแต่ละโครงการมีขนาดใหญ่จำนวน 1,000 ยูนิต นอกจากนี้ยังได้ขยายไปในประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม และกำลังรุกตลาดอินโดเนียเซียในรูปแบบของการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทอสังหาฯ ในประเทศนั้นๆ คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2564 จะดีกว่าปี2563

“เหตุผลที่ขยายการลงทุนไปต่างจังหวัดและต่างประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตอนาคต และกระจายความเสี่ยง เพราะบางช่วงกรุงเทพฯ อาจมีปัญหาน้ำท่วม ต่างจังหวัดไม่ท่วม เช่นเดียวกันกับการที่ขยายไปต่างประเทศ“

นายประทีป ระบุว่า ปัจจัยบวกต่อภาคอสังหาฯ ในปีหน้า มองว่าแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยสามารถบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ได้ดี ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น และมีข่าววัคซีนป้องกันโควิด-19 ออกมาแล้ว ส่งผลต่อภาพรวม ประกอบกับทุกๆ ประเทศต้องเปิดการเดินทาง หรือลดจำนวนวันกักตัวลง จะส่งผลต่อการใช้จ่ายปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากการยอดขายจริงของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/2563 ดีขึ้นจากไตรมาส 2/2563 ที่มีการล็อกดาวน์ประเทศ และในช่วงไตรมาส 4/2563 ก็จะต้องดีขึ้นจากไตรมาส 3/2563 เพราะบ้านเป็นปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต การซื้อบ้าน เป็นการขยายครอบครัว

“อสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าต้องดีกว่าปีนี้อย่างแน่นอน ส่วนปัจจัยลบยังคงเป็นเรื่องการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวด ทำให้คนอยากมีบ้านยากขึ้น เนื่องจากรายได้ลดลงโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การท่องเที่ยว และธุรกิจสายการบิน ”

ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินอยู่ในพอร์ตมากพอที่จะสามารถรองรับการพัฒนาโครงการต่อเนื่องได้ถึง 3 ปี แต่ปัจจุบันยังหาซื้อเพิ่มทุกสัปดาห์เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคตโดยบริษัทได้ตั้งงบลงทุนสำหรับซื้อที่ดินใหม่ในปี 2564 ไว้ที่ 8,000 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดเป็นหลัก และการกู้ยืมจากสถาบันการเงินบางส่วน