'พาวเวล' วอน ต่ออายุโครงการเงินกู้ จ่อสิ้นสุด 31 ธ.ค.นี้

'พาวเวล'  วอน ต่ออายุโครงการเงินกู้ จ่อสิ้นสุด 31 ธ.ค.นี้

“พาวเวล” เตือนยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งอาจขวางเศรษฐกิจฟื้นตัว วอนต่ออายุโครงการเงินกู้กำลังสิ้นสุดลง 31 ธ.ค.นี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐ และทั่วโลกนั้น จะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

เว็บไซต์ของเฟดได้เผยแพร่ร่างแถลงการณ์ของนายพาวเวล  ซึ่งเตรียมไว้สำหรับการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ซึ่งนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐจะเข้าร่วมชี้แจงด้วย โดยร่างแถลงการณ์มีเนื้อหาเกี่ยวกับการดำเนินการของเฟดและรัฐบาลสหรัฐ ในการเยียวยาประชาชน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ร่างแถลงการณ์ดังกล่าวของนายพาวเวลระบุว่า เมื่อพูดถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น เรามองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และแนวโน้มเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการจัดการกับการแพร่ระบาด

“จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐและต่างประเทศนั้น ถือเป็นสิ่งที่น่ากังวล และอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ การฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบของเศรษฐกิจยังไม่มีแนวโน้มเกิดขึ้น จนกว่าประชาชนจะมีความมั่นใจในการเข้าร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง” นายพาวเวลกล่าว

นายพาวเวล ยังกล่าวด้วยว่า “แม้มีข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในระยะกลางนี้ แต่ก็ยังมีความท้าทายและความไม่แน่นอนอย่างมีนัยสำคัญในขณะนี้ ซึ่งรวมถึงระยะเวลา การผลิต และการจำหน่ายจ่ายแจก นอกจากนี้ ประสิทธิภาพของวัคซีนของแต่ละบริษัทก็ยังแตกต่างกันด้วย”

นอกจากนี้ นายพาวเวลยังได้กล่าวถึงความสำคัญของโครงการเงินกู้เพื่อเยียวยาผลกระทบของโรคโควิด-19 ซึ่งโครงการดังกล่าวจะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ 

“โครงการเหล่านี้มีความสำคัญในฐานะเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนตลาดสินเชื่อ และยังช่วยฟื้นฟูการไหลเวียนของสินเชื่อจากบรรดาผู้ปล่อยกู้เอกชนผ่านช่องทางที่ปกติ ” นายพาวเวลกล่าว

อย่างไรก็ดี นายมนูชินได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า จะไม่มีการต่ออายุโครงการเงินกู้ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ แม้เจ้าหน้าที่เฟด ได้เรียกร้องให้มีการขยายโครงการปล่อยกู้ดังกล่าวก็ตาม