คืบหน้าวัคซีนโควิดฉุดราคาทองดิ่ง 6.20 ดอลล์

คืบหน้าวัคซีนโควิดฉุดราคาทองดิ่ง 6.20 ดอลล์

ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดตลาดวันจันทร์ (30พ.ย.)ปรับตัวลง 6.20 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีรายงานความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19

ขณะเดียวกัน ราคาทองได้ดิ่งลงกว่า 300 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับ 2,072.50 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนส.ค.

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 6.20 ดอลลาร์ ปิดที่ราคา 1,775.70 ดอลลาร์/ออนซ์

ถึงแม้ดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยหนุนราคาทองในวันนี้ เนื่องจากถูกกดดันจากการที่โมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ แถลงว่า ทางบริษัทเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) ในวันนี้ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลใหม่ยืนยันว่าวัคซีนดังกล่าวมีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ 94.1% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ โมเดอร์นานับเป็นบริษัทยาแห่งที่ 2 ที่ยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉิน หลังจากที่ไฟเซอร์ได้ยื่นเรื่องก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 พ.ย.

การยื่นขออนุมัติดังกล่าว จะทำให้ชาวอเมริกันได้รับวัคซีนของโมเดอร์นาในเวลาอีกเพียงไม่กี่สัปดาห์

โมเดอร์นาระบุว่า ผลการวิเคราะห์ครั้งใหม่พบว่า จากการทดลองในอาสาสมัครจำนวน 30,000 ราย มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนเพียง 196 ราย โดย 185 รายมาจากกลุ่มที่ได้รับวัคซีนหลอก ส่วนอีก 11 รายมาจากกลุ่มที่ได้รับวัคซีนจริง ส่งผลให้การทดลองดังกล่าวบ่งชี้ประสิทธิภาพของวัคซีนสูงถึง 94.1% ซึ่งสูงกว่าผลวิเคราะห์เบื้องต้นที่ทางบริษัทเปิดเผยเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ระดับ 94%

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะเข้าทำการชี้แจงรายไตรมาสต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้เกี่ยวกับการดำเนินการของเฟดและรัฐบาลสหรัฐในการเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

การชี้แจงดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่นายมนูชินได้ตัดสินใจก่อนหน้านี้ที่จะไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของเฟดสำหรับการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 วงเงิน 4.55 แสนล้านดอลลาร์ ที่จะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.

ทั้งนี้ นายมนูชินได้ส่งจดหมายถึงนายพาวเวล โดยระบุว่า เม็ดเงินจำนวน 4.55 แสนล้านดอลลาร์ที่จัดสรรให้กับกระทรวงการคลังภายใต้กฎหมาย CARES Act เมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลินั้น เงินส่วนใหญ่ดังกล่าวได้ถูกจัดสรรให้กับเฟดเพื่อใช้ในโครงการปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจ องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และรัฐบาลท้องถิ่น แต่กระทรวงการคลังได้ตัดสินใจไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของเฟด เฟดจึงควรคืนเงินที่ไม่ได้ใช้ให้กับสภาคองเกรสเพื่อนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ต่อไป