‘ดาวโจนส์’ร่วง 271 จุดเหตุนักลงทุนแห่ขายทำกำไรหลังหุ้นพุ่ง

‘ดาวโจนส์’ร่วง 271 จุดเหตุนักลงทุนแห่ขายทำกำไรหลังหุ้นพุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันจันทร์(30พ.ย.)ดิ่งลง271 จุด ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทำกำไรจากการทะยานขึ้นของราคาหุ้นก่อนหน้านี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 271.73 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 29,638.64 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 16.72 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 3,621.63 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 7.11 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 12,198.74 จุด

บรรดานักวิเคราะห์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวของตลาดทุนมีขึ้นจากการขายทำกำไรของนักลงทุน หลังขยับขึ้นต่อเนื่องในเดือนพ.ย.เป็นต้นปี จากข่าวความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวรวดเร็วในปีหน้า

ถึงแม้ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในวันนี้ แต่ก็พุ่งขึ้นกว่า 11% นับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. และมีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนม.ค.2530 โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดันในวันนี้ หลังจากสื่อรายงานว่า สหรัฐเตรียมขึ้นบัญชีดำบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน (เอสเอ็มไอซี) และไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น (ซีนุก) โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้เป็นของกองทัพจีน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.2564 โดยก่อนหน้านี้ไม่นาน ปธน.ทรัมป์ก็ได้ลงนามในคำสั่งห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันลงทุนในบริษัทจีนที่ถูกครอบครองและควบคุมโดยกองทัพจีน

ด้านโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ แถลงว่า ทางบริษัทเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) ในวันนี้ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลใหม่ยืนยันว่าวัคซีนดังกล่าวมีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ 94.1% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19

โมเดอร์นานับเป็นบริษัทยาแห่งที่ 2 ที่ยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินต่อทางเอฟดีเอหลังจากที่ไฟเซอร์ อิงค์ได้ยื่นเรื่องก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 พ.ย.

การยื่นขออนุมัติดังกล่าว จะทำให้ชาวอเมริกันได้รับวัคซีนของโมเดอร์นาในเวลาอีกเพียงไม่กี่สัปดาห์

โมเดอร์นาระบุว่า ผลการวิเคราะห์ครั้งใหม่พบว่า จากการทดลองในอาสาสมัครจำนวน 30,000 ราย มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนเพียง 196 ราย โดย 185 รายมาจากกลุ่มที่ได้รับวัคซีนหลอก ส่วนอีก 11 รายมาจากกลุ่มที่ได้รับวัคซีนจริง ส่งผลให้การทดลองดังกล่าวบ่งชี้ประสิทธิภาพของวัคซีนสูงถึง 94.1% ซึ่งสูงกว่าผลวิเคราะห์เบื้องต้นที่ทางบริษัทเปิดเผยเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ระดับ 94%

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะเข้าทำการชี้แจงรายไตรมาสต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้เกี่ยวกับการดำเนินการของเฟดและรัฐบาลสหรัฐในการเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

การชี้แจงดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่นายมนูชินได้ตัดสินใจก่อนหน้านี้ที่จะไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของเฟดสำหรับการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 วงเงิน 4.55 แสนล้านดอลลาร์ ที่จะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.

ทั้งนี้ นายมนูชินได้ส่งจดหมายถึงนายพาวเวล โดยระบุว่า เม็ดเงินจำนวน 4.55 แสนล้านดอลลาร์ที่จัดสรรให้กับกระทรวงการคลังภายใต้กฎหมาย CARES Act เมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลินั้น เงินส่วนใหญ่ดังกล่าวได้ถูกจัดสรรให้กับเฟดเพื่อใช้ในโครงการปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจ องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และรัฐบาลท้องถิ่น แต่กระทรวงการคลังได้ตัดสินใจไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของเฟด เฟดจึงควรคืนเงินที่ไม่ได้ใช้ให้กับสภาคองเกรสเพื่อนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ต่อไป