ควบคุมโควิด-19 การ์ดต้องไม่ตก

ควบคุมโควิด-19 การ์ดต้องไม่ตก

ประเทศไทยได้ชื่อว่าควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี แต่ล่าสุดพบคนไทยลักลอบเข้าประเทศไทย นำมาสู่การติดเชื้อ และมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นปัญหาอีกหลายส่วน ดังนั้นสิ่งสำคัญขณะนี้คือคนไทยต้องการ์ดอย่าตก

การตรวจพบคนไทยลักลอบเข้าประเทศไทยผ่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวม 3 คน นำมาสู่การติดเชื้อของหญิง 1 คน และต้องมีการติดตามผู้สัมผัสที่เกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมด 326 ราย ซึ่งข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 107 ราย ผลตรวจกลุ่มเสี่ยงสูง 69 รายผลไม่พบเชื้อ แต่ยังคงต้องกักตัวต่อจนครบ 14 วัน และมีความกังวลว่าจะเป็นผู้ที่กระจายเชื้อให้กับผู้อื่นจำนวนมาก ส่วนหญิงอีก 2 คน เข้าสู่การรักษาตัวที่โรงพยาบาลเดียวกับผู้ติดเชื้อ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พบปัญหาหลายส่วน โดยเฉพาะการเข้ามาประเทศไทยแบบผิดกฎหมายที่มีผลต่อการคัดกรองบุคคลเข้าประเทศ และทำให้บุคคลที่ลักลอบเข้าประเทศไม่เข้าสู่การกักตัวตามขั้นตอนที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กำหนดบังคับใช้กับทุกคน ซึ่งแม้กระทรวงกลาโหมจะออกมาเน้นย้ำกับหน่วยขึ้นตรงในการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง แต่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมืออย่างเข้มงวดในเรื่องนี้

ถึงการควบคุมการลักลอบเข้าประเทศจะไม่สามารถควบคุมได้ 100% เพราะตามแนวเขตชายแดนไม่ได้มีแนวป้องกันตลอดเส้นทาง ซึ่งทำให้เกิดการลักลอบเข้าประเทศตามช่องทางธรรมชาติได้ แต่ประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนได้จากการร่วมเฝ้าระวังบุคคลที่เข้ามาในชุมชน โดยเฉพาะการลักลอบเข้าประเทศย่อมจะมีข้อมูลในชุมชนรับทราบ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการแจ้งข้อมูลให้กับทางการรับทราบ เพื่อหาทางป้องกันก่อนที่จะควบคุมไม่ได้

ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อถึงวันที่ 30 พ.ย.2563 ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 21 รายทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,998 ราย และไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มรวมยอดผู้เสียชีวิต 60 รายรักษาหายเพิ่ม 3 รายรวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,803 รายยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 135 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดเป็นผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งการเดินทางเข้าประเทศที่ถูกกฎหมายและเข้าสู่การกักตัวสามารถป้องกันการระบาดได้ค่อนข้างดีตลอดช่วง 10 เดือน ที่พบการระบาดในประเทศไทย

ประเทศไทยได้ชื่อว่าควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดีเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาวัคซีนมีความคืบหน้าจนกระทั่งประเทศไทยได้ลงนามสั่งซื้อวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกา ซึ่งการจัดเตรียมวัคซีนจำเป็นต้องดำเนินการให้เพียงพอกับสัดส่วนประชาชน 60% ขึ้นไปจึงจะเพียงพอกับการสร้างภูมิคุ้มกันกลุ่ม โดยขณะนี้ยังไม่มีเครื่องยืนยันว่าประเทศไทยจะจัดหาได้ปริมาณที่เพียงพอ ดังนั้นจึงจำเป็นที่ทุกคนต้องร่วมมือไม่ให้การ์ดตก