สหภาพบินไทยร้องนายกฯ หลังถูกเบี้ยวจ่ายเงินสมทบ

สหภาพบินไทยร้องนายกฯ หลังถูกเบี้ยวจ่ายเงินสมทบ

สหภาพการบินไทยฯ ร้องนากยรัฐมนตรี หลังบริษัทเบี้ยวจ่ายเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กระทบพนักงานเดือดร้อนกว่าพันคน

นายนเรศ ผึ้งแย้ม ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานการบินไทยร่วมใจสัมพันธ์ (สร.กบท.สพ.) เปิดเผยว่า วันนี้(30 พ.ย.) เวลาประมาณ 11.30 น. ตัวแทนสหภาพและสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพบริษัทการบินไทย ราว 30 คน ได้เดินทางไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

โดยขอให้นายกรัฐมนตรี สั่งการถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.) ในฐานะนายทะเบียนกองทุน ใช้อำนาจในการแก้ไขข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพบริษัทการบินไทย ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมปี 2545 ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.กองทุนฯ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมปี 2550 ในมาตรา9(8) และให้สอดคล้องกับ ประกาศ กลต. เพื่อเกิดความเป็นธรรมกับสมาชิกกองทุนที่ได้มีการขอลาออกจากสมาชิกกองทุน โดยที่ไม่ได้ลาออกจากการเป็นพนักงานบริษัท

160673308769

เนื่องจากภายหลังที่บริษัทฯ ได้เข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูกิจการ พนักงานส่วนใหญ่ถูกปรับลดเงินเดือนและต้องหยุดงาน ส่งให้ผลมีรายได้ปรับลดลง ในขณะที่ภาระค่าใช้จ่ายยังเท่าเดิม ทำให้พนักงานหลายคนเริ่มทยอยขอลาออกจากสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท เพราะต้องนำเงินก้อนที่สะสมไว้ออกมาใช้ในยามจำเป็น ซึ่งล่าสุดมีพนักงานขอลาออกจากการเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกว่า 1,000 ราย และยังเหลือพนักงานที่ยังไม่ได้ลาออก ราว 1.5 หมื่นราย

นายนเรศ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้พนักงานที่ลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กว่า 1,000 คนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะทุกคนเสียสิทธิในการรับเงินสมทบในส่วนของนายจ้างที่บริษัทการบินไทยต้องสมทบให้รวมกว่าหลายร้อยล้านบาท เนื่องจากการบินไทยไม่ยอมจ่ายเงินสมทบในส่วนของนายจ้างให้คนที่ลาออก โดยอ้างข้อบังคับกองทุนของบริษัทที่กำหนดว่าจะจ่ายสมทบเงินให้ เฉพาะกรณีที่ลาออกจากกองทุนและลาออกจากการเป็นพนักงานด้วยเท่านั้น ซึ่งจะเห็นว่าเป็นข้อบังคับที่ขัดกับ กฎหมายกองทุนและประกาศ กลต. จึงขอให้มีการแก้ไขโดยด่วน

ทั้งนี้ ในช่วง 13.30 น. ของวันเดียวกันตัวแทนสหภาพและสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพบริษัทการบินไทยยังได้เดินทางไปยื่นหนังสือดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.) เพื่อให้เร่งดำเนินการแก้ไขข้อบังคับ โดยขอให้บริษัทคืนเงินสมทบในส่วนของนายจ้างหลายร้อยล้านบาท ให้กับพนักงานกว่า 1,000 คน