คมนาคมจ่อชงงบดันนโยบายยางพาราเฟส 2

คมนาคมจ่อชงงบดันนโยบายยางพาราเฟส 2

คมนาคมเร่งประเมินผลนโยบายยางพารา วิเคราะห์ผลลัพธ์ลดอุบัติเหตุ รายงาน ครม. ภายใน ก.พ.นี้ ชี้เป็นส่วนหนึ่งหนุนราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น เดินหน้าชงงบประมาณดันเฟส 2

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าของนโยบายการนำยางพารามาใช้ โดยระบุว่า ปัจจุบัน ทล.ได้นำยางพารามาใช้ทำกำแพงคอนกรีต (แบริเออร์) หุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ และเสาหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post) มีความคืบหน้าล่าช้ากว่าแผนอยู่ราว 20% ขณะที่กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ล่าช้าราว 10% ซึ่งปัญหาเกิดจากระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุประเภทครอบกันชน ที่ไม่เคยมีการจัดซื้อมาก่อน ทำให้ต้องรอประกาศจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศภายในเดือน ธ.ค.นี้

“ตามแผนการติดตั้งแบริเออร์และเสาหลักนำทางจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.2563 ซึ่งตอนนี้ล่าช้ากว่าแผนอยู่ เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง และยังติดปัญหาเรื่องแรงงาน และเรื่องของการประเมินผลลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยขณะนี้หลายปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว เรื่องการประเมินผลคาดว่าจะเสนอผลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบภายในเดือน ก.พ.นี้”

 

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด การดำเนินงานของ ทล.ได้ติดตั้งแบริเออร์แล้วประมาณ 238 กิโลเมตร (กม.) ขณะที่ ทช. ติดตั้งแบริเออร์ 105 กม. รวมระยะทางดำเนินการแล้วเสร็จ 344 กม. ส่วนเสาหลักนำทาง ทล.ได้ติดตั้ง 8.9 หมื่นต้น ทช. 2.07 แสนต้น รวมจำนวนที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 2.9 แสนต้น โดยนโยบายการนำยางพารามาใช้ เป็นผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น ปัจจุบันมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ราว 70 บาทต่อกิโลกรัม

 

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า การผลักดันนโยบายนำยางพารามาใช้ในระยะที่ 2 กระทรวงฯ จะประเมินผลดำเนินงานทั้งหมด ว่าสามารถตอบโจทย์ในเรื่องความปลอดภัยและผลักดันราคายางพาราให้ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน โดยจะมีการทำผลศึกษาชี้วัดเพื่อเสนอให้ ครม.พิจารณาและประเมินงบกลางในปีอื่นๆ  เพื่อใช้พัฒนาโครงการต่อไป