"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (30 พ.ย.63)

"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (30 พ.ย.63)

30 พฤศจิกายน – 4 ธันวาคม: ชะลอความร้อนแรง

สรุปภาวะตลาด และมุมมองตลาดสัปดาห์นี้:

หุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้ววิ่งขึ้นมาแรงกว่าที่หลายฝ่ายคาดเอาไว้ และตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากดัชนี SET ค่อนข้างเต็มมูลค่าแล้วสำหรับประมาณการกำไรปี 2564 ในขณะเดียวกัน ราคาหุ้นก็เริ่มสะทอ้นปัจจัยบวกด้านมหภาคอย่างเช่น i) การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองสหรัฐที่ราบรื่นขึ้นของรัฐบาล Joe Biden ii) สัมพันธภาพระหว่างสหรัฐและจีนที่มีเสถียรภาพ และคาดเดาได้มากขึ้นในระยะต่อไป iii) แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ชัดเจนมากขึ้นในปี 2564 เนื่องจากจะมีวัคซีน COVID-19 สองสามตัวที่พร้อมใช้งาน แต่ในอีกด้านหนึ่ง กระแสเงินทุนไหลเข้าในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยน่าจะดำเนินต่อไป และจำกัด downside ของดัชนี SET ดังนั้น เราจึงมองว่าในระยะสั้น ตลาดหุ้นไทยจะพักฐานในระดับที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ นักกลยุทธ์หุ้นส่วนใหญ่คาดว่าตลาดหุ้นในปี 2564 ยังมี upside เพิ่มอีก ดังนั้นจึงอาจยังมีแรงซื้อเพิ่มเข้ามาอีก ถ้าหากดัชนีย่อตัวลง สำหรับกลยุทธ์การซื้อขายในสัปดาห์นี้ เราแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัว เพราะตลาดไม่น่าจะปรับขึ้นทั้งตลาด โดยมี big-cap เป็นตัวนำเหมือนกับในช่วงสองสาม
สัปดาห์ที่ผ่านมา

ธีมการลงทุน ปัจจัย และกระแสข่าวสำคัญที่จะมีผลกับตลาดในสัปดาห์นี้:

       (0) ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนตุลาคมจะช่วยยืนยันภาพการฟื้นตัว: เมื่อพิจารณาจากดัชนีเศรษฐกิจบางตัวที่ออกมาแล้ว อย่างเช่น การส่งออกที่ผ่านพิธีการศุลกากร (ไม่รวมทองคำแท่ง) และดัชนีการผลิตอุตสาหกรรม เราคาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจเดือนตุลาคมจะแสดงโมเมนตั้มการฟื้นตัวย่างต่อเนื่องของ
เศรษฐกิจไทยใน 4Q63

       (0/-) สถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ: ในวันที่ 2 ธันวาคม ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดจะวินิจฉัยว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่ากระทำผิดรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ยังคงอยู่บ้านพักทหารหลังเกษียณอายุราชการไปแล้วหรือไม่ ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูว่าคำวินิจฉัยในประเด็นนี้จะมีนัยยะทางการเมืองอย่างไร

       (+) สถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลก: ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า นักลงทุนน่าจะต้องติดตามการประชุมครั้งสำคัญระหว่าง FDA และ Pfizer-BioNTech ในช่วงวันที่ 8-10 ธันวาคมเรื่องการอนุญาตให้ใช้วัคซีน mRNA นอกจากนี้ การทบสอบวัคซีนของ AstraZeneca-Oxford ก็มีความสำคัญต่อความหวังของภูมิภาคเอเซียที่จะได้ใช้วัคซีนในปี 2564 เนื่องจาก AstraZeneca จะเป็นผู้ผลิตวัคซีนแบรนด์หลักที่จะนำมาใช้ในกลุ่มประเทศ EM

       (0/+) การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองสหรัฐ: นักลงทุนต้องติดตามการประกาศรายชื่อรัฐมนตรีกระทรวงหลัก และผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐจากว่าที่ประธานาธิบดี Joe Biden ในขณะที่ ในช่วงหลังมานี้ ประธานาธิบดี Donald Trump ผ่อนคลายท่าทีลง และรับปากที่ออกจากทำเนียบขาวเมื่อผลการ
เลือกตั้ง electoral college ออกมาอย่างเป็นทางการว่า Biden ได้รับเลือก

หุ้นกลุ่ม Global cyclical และหุ้นที่เกาะกระแสการลงทุนจะยังคงได้รับความสนใจต่อไป

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่ามีธีมหุ้นที่น่าสนใจสองเรื่องด้วยกัน โดยในธีมแรก เนื่องจากในขณะนี้นักลงทุนกำลังเตรียมตัวสำหรับการที่วัฏจักรเศรษฐกิจ และผลประกอบการที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในครึ่งหลังของปี 2564 และปี 2565 เราจึงมองว่าหุ้นกลุ่ม global cyclical อย่างเช่น ปิโตรเคมี และท่องเที่ยวน่าจะ
outperform ได้ แม้ว่าราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาจะวิ่งขึ้นมาแรงแล้ว โดยเรามองว่าหุ้นที่น่าสนใจในธีมนี้ ได้แก่ PTTGC*, IVL* และ MINT* ส่วนธีมที่สอง เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายเรื่องที่จะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ i) แนวโน้ม FDI ที่แข็งแกร่งขึ้น ตามภาวการณ์ฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ii) สัมพันธภาพที่ดีขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการค้าและการลงทุนในเอเชีย iii) แนวโน้มการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากดีล RCEP FTA ซึ่งประเทศไทยได้ลงนามเข้าร่วม เรามองว่าธีมนี้จะทำให้ราคาหุ้น AMATA* และ WHA* ฟื้นตัวได้อีก