"ส.ว." ชี้ งานปฏิรูปการเมือง-ปรองดอง ไม่เข้าเป้า เหตุมี "ม็อบเยาวชน" สร้างปัญหาประเทศ

"ส.ว." ชี้ งานปฏิรูปการเมือง-ปรองดอง ไม่เข้าเป้า เหตุมี "ม็อบเยาวชน" สร้างปัญหาประเทศ

วาระประชุมส.ว. เรื่องติดตามความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศ ส.ว.โฟกัสปฏิรูการเมือง-ปรองดองที่ไม่เข้าเป้า เหตุจากมีม็อบเยาวชนเรียกร้อง "เสรี" จี้รัฐบาลใช้กฎหมายจับ-สั่งฟ้อง แกนนำเพื่อรักษากติกาบ้านเมือง

       ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.สิงห์ศีก สิงไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณารายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560  รอบเดือนเมษายน - มิถุนายน 2563  
       มีสมาชิกวุฒิสภา อภิปรายในประเด็นการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง และการสร้างความปรองดองที่ล้มเหลว ซึ่งเชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางการเมืองที่พบการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร63 และแนวร่วมกลุ่มต่างๆ 
       โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์  ส.ว. อภิปรายว่า แผนการปฏิรูปการเมือง จะทำให้การเมืองดีขึ้นหรือไม่ต้องพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันร่วมด้วย ทั้งนี้แผนการปฏิรูปการเมืองที่ผ่านมาไม่สอดคล้องกับกับปัญหาการเมือง ที่พบมีกลุ่มเยาวชนออกมาชุมนุม ออกหน้าทางการเมือง เรียกร้องสิ่งที่สร้างปัญหาให้ประเทศ สร้างความขัดแย้งให้ประชาชน ทั้งนี้หากมองในมุมการมีส่วนร่วมทางการเมืองถือว่าทำได้ตามแนวทาง แต่ควรให้การมีส่วนร่วมสร้างประโยชน์กับประเทศ ประชาชน และทำให้บ้านเมืองสงบเรียกร้อย 
 
       “วิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้การทำปฏิรูปการเมืองช่วงต่อไปต้องพิจารณาสร้างการเมืองเข้มแข็ง นำปัญหาประเทศเป็นตัวตั้ง การแก้ปัญหาข้อเรียกร้องของผุ้ชุมนุมต้องจบในทางที่เป็นประโยชน์กับสังคมและประชาชนโดยรวม เช่น ข้อเรียกร้องให้นายกฯ​ลาออก รัฐบาลลาออก ต้องนำมาพิจารณาถึงการกำหนดแนวทางที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับกติกา ยอมรับเสียงข้างมากของประชาชน เมื่อเลือกตั้งแล้ว ให้ฝ่ายที่จัดตั้งรัฐบาลได้อยู่ครบวาระ ไม่ใช่ให้ฝั่งที่ไม่พอใจ ไม่ยอมรับ ออกมาขับไล่” นายเสรี กล่าว
       นายเสรี กล่าวเสนอความเห็นต่อการแก้ปัญหาการเมืองปัจจุบัน ว่า รัฐบาลต้องแก้ปัญหาวิกฤตการเมือง คือ ปฏิบัติตามกฎหมาย หากบุคคลใดกระทำผิดกฎหมาย ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ เพื่อใช้กติกาปกป้องสังคม ทั้งนี้รัฐบาลต้องดำเนินการกับแกนนำที่เป็นต้นเรื่องของปัญหา ทำสำนวนส่งฟ้อง ไม่ใช่จับแล้วปล่อย
 
       ขณะที่นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. อภิปรายเสนอให้การปฏิรูปประเทศต้องกลับไปสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ทั้งนี้การกระทำของผู้ชุมนุมปัจจุบัน และข้อเรียกร้องต่างๆ ถือว่าล้มเหลว เพราะเขาไม่เคารพความเห็นของบุคคลอื่น ไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ กติกาของบ้านเมือง สำหรับข้อเรียกร้อง 3 ประเด็น ให้นายกฯ ลาออก, แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมและปฏิรูปสถาบันนั้น ตนมองว่าเป็นไปไม่ได้และไม่มีเหตุผล อีกทั้งวิธีคิดนั้นไม่เข้าใจในสาระและระบบของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 
         “ที่ให้นายกฯ​ลาออก ระบบของเราคือ เราเลือกสภาฯ สภาฯเลือกนายกฯ หน้าที่ไล่นายกฯ ออกคือ สภา ส.ส.ที่หนูๆ เลือกมา หากเขาไม่ไล่นายก ออกตามเหตุผลของหนู ต้องไม่เลือกเขาคราวหน้า ต้องวิจารณ์การทำหน้าที่ของส.ส. ไม่ใช่จะมาไล่เพราะไม่ชอบเขาไม่ได้ หรือที่เสนอให้แก้รัฐธรรมนูญ เพราะเป็นผลไม้พิษ ร่างในยุคเผด็จการ ไม่อิสระ แต่ไม่บอกจะแก้ไขอย่างไรให้ดี ตรรกะแบบนี้หรือที่จะเสนอเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ” นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว
160671558722

      ส่วนคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. อภิปรายว่า การปรองดองในการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ไปไม่ถึงเป้าหมาย เพราะตัวอย่างที่เห็นจากกระทรวงศึกษาธิการที่มีแผนการปรองดอง คือ โครงสร้างสร้างจิตอาสา  ที่พบการติดตาม แต่การประเมินผลที่ได้พบว่าปัญหาเยาวชนรับรู้ในประเด็นที่แตกต่างกัน ดังนั้นรัฐบาลควรทบทวนทุกโครงการปรองดอง ในด้านเป้าหมาย คือ คำนึงสิทธิที่เท่าเทียมกับหน้าที่,สร้างระบบการศึกษาเน้นความดีมากกว่าความเก่ง เพราะความเก่งจะทำให้คิดถึงแต่การหาประโยชน์ แก่งแย่ง ชิงดี และต้องปรับการเรียนรู้ไม่ใช่ท่องจำ.

160671558744