โควิด ไม่สะเทือนบัลลังก์ ‘เจ้าสัวเจริญ’ ‘ไทยเบฟ’ โกยกำไร เหล้า-เบียร์-นอนแอลฯโตพรึ่บ!
ในปี 2563 บริษัทไหนที่สร้างผลการดำเนินงานฝ่าวิกฤติโควิด-19 จนมียอดขายเติบโต ถือเป็นเรื่องที่น่าพอใจอย่างยิ่ง และคงจะยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นหากขายแล้วทำ “กำไร” ได้ด้วย
ช่วงต้นปีเป็นห้วงเวลาที่โควิด-19 ระบาดหนักมากทั่วโลก รวมทั้งไทย ทำให้ภาครัฐ งัดมาตรการ “ล็อกดาวน์” มาใช้ ส่งผลให้ธุรกิจร้านค้า อาคารสำนักงาน หลายสถานที่ต้อง “ปิดให้บริการ” หากห้างร้านที่จำเป็นต้องเปิดให้บริการ ต้องมีมาตรการรักษาระยะห่าง สิ่งเหล่านี้ กระเทือนการค้าขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายหลายบริษัทไม่ต้องถามหาอัตราการ “เติบโต” เพราะตัวเลขอยู่ใน Red Zone “ติดลบ” กันถ้วนหน้า การ “ขาดทุน” บริษัทอยู่ในจุด “ต่ำสุด” ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังไม่ต่ำสุดจริงๆเสียที นี่เป็นสถานการณ์ที่องค์กรธุรกิจไทยเผชิญอย่างสาหัส
ทว่า “บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน)” ของราชันย์น้ำเมา "เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี" กลับเป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่มีความสามารถสร้าง “กำไร” ได้โดดเด่น แม้ยอดขายจะตกก็ตาม!
แม่ทัพนายกองผู้ขับเคลื่อนธุรกิจสุรา เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหารเครือไทยเบฟ
สำหรับรายงานผลประกอบการปี 2563(ปีงบประมาณ ต.ค.62-ก.ย.63) ไทยเบฟ ปิดยอดขายรวม 253,481 ล้านบาท หดตัวลง 5.2% ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ “กำไรสุทธิ” อยู่ที่ 26,065 ล้านบาท ลดลง 0.1% เทียบช่สวงเดียวกันปีก่อน 26,083 ล้านบาท หรือหายไปเพียง 18 ล้านบาทเท่านั้น และยิ่งดูผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 28,725 ล้านบาท เติบโต 10.1% เรียกว่าความสามารถทำกำไรท่ามกลางวิกฤติไม่ได้แย่แต่อย่างใด
ทั้งนี้ มาดูยอดขายและกำไรที่แบ่งตามหมวดสินค้ากันบ้าง “สุรา” ถือเป็นหัวใจหลักที่ทำกำไรให้บริษัทอยู่แล้ว มีสัดส่วนมากสุดถึง 84.5% ที่เหลือเป็นสินค้าอื่นทั้งเบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร ฯ ปี 2563 สุราปิดยอดขายรวม 117,297 ล้านบาท เติบโต 2.2% จากปีก่อน 114,806 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 22,271 ล้านบาท เติบโตถึง 14.7% จากปีก่อน 19,412 ล้านบาท เหตุผลเพราะยอดขายเชิงปริมาณเพิ่ม
มาดู “เบียร์” บ้าง ซึ่งมีแบรนด์หัวหอกอย่าง "เบียร์ช้าง" สร้างยอดขาย 106,871 ล้านบาท ลดลง 11.3% จากปีก่อน 120,422 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีก่อน 3,281 ล้านบาท โดยทั้งสุราและเบียร์มีค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาลด ซึ่งปกติเครื่องดื่มแออลกอฮอล์ไม่สามารถโฆษณาได้อยู่แล้ว ทำให้ต้นทุนลดลง
ส่วนเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มียอดขาย 16,281 ล้านบาท ลดลง 3.1% จากปีก่อน 16,796 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 656 ล้านบาท โตถล่มทลาย 165.7% จากปีก่อน “ขาดทุน” 998 ล้านบาท แม้ยอดขายเชิงปริมาณจะลด แต่การโฆษณา ค่าใช้จ่ายที่ลดลง จึงส่งผลต่อกำไรในเชิงบวก
ด้านธุรกิจอาหารมียอดขาย 13,172 ล้านบาท ลดลง 15.4% จากปีก่อน 15,561 ล้านบาท และ “ขาดทุน” 101 กระเทือนหนักถึง 121.4% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 472 ล้านบาท เพราะธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบหนักสุดช่วงโควิด เนื่องจากต้องปิดหน้าร้านเป็นเวลาหลายเดือน เหลือเพียงบริการเดลิเวอรี่ที่ยังทำได้
หากดูยอดขาย “เชิงปริมาณ” สุรา 668 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 0.2% จากปีก่อน 667 ล้านลิตร เบียร์ 2,358 ล้านลิตร ลดลง 12.7% จากปีก่อน 2,700 ล้านลิตร โซดา 43 ล้านลิตร ลดลง 0.45 โซดาและน้ำดื่มช้าง 78 ล้านลิตร ลดลง 27.6% จาก 108 ล้านลิตร เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1,578 ล้านลิตร ลดลง 3.8% จาก 1,640 ล้านลิตร เมื่อแบ่งตามสินค้า ชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ และเครื่องดื่มจับใจ 259 ล้านลิตร ลดลง 5.1% จาด 273 ล้านลิตร น้ำดื่ม 1,044 ล้านลิตร ลดลง 0.8% จาก 1,052 ล้านลิตร เครื่องดื่มอัดลม ทั้งเอส ฮันเดรดพลัส และซาสี่ 271 ล้านลิตร ลดลง 12.5% จาก 310 ล้านลิตร และอื่นๆ เช่น เครื่องงดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ ฯ 4 ล้านลิตร ลดลงง 5.2% จาก 5 ล้านลิตร
ด้านธุรกิจต่างประเทศ ยอดขายรวม 62,000 ล้านบาท ลดลง 18% โดยเฉพาะยอดขายเบียร์ลดลง ส่วนสุรายอดขายลดลง 1% สก๊อตวิสกียอดขายเติบโตลดลง โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์พรีเมี่ยมและการขายในปริมาณมาก(ฺBulk) ขณะที่รอยัล แกรนด์ กรุ๊ป(GRG)ในเมียนมายอดขายเติบโตจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินท้องถิ่นแข็งค่าขึ้น สำหรับยอดขายเบียร์ลดลง 21% ส่วนหนึ่งเพราะยอดขายของบริษัท ไซ่ง่อน เบียร์ แอลกอฮอล์ เบฟเวอเรจ คอร์เปอเรชั่น(ซาเบโก้) กระทบ รวมถึงงผลการดำเนินงานในอาเซียนชะลอตัวลง