‘ในหลวง-พระราชินี’ ทรงเปิดศาลหลักเมืองพัทลุง

‘ในหลวง-พระราชินี’ ทรงเปิดศาลหลักเมืองพัทลุง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ทรงเปิดศาลหลักเมืองพัทลุง พสกนิกรพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองเฝ้าฯ รับเสด็จเนืองแน่น

160657143282

วันนี้ (28 พ.ย.63) เวลา 14.35 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังท่าอากาศยานทหาร ดอนเมือง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศาลหลักเมืองพัทลุง อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงท่าอากาศยานตรัง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยคณะข้าราชการ และประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กราบบังคมทูลเชิญเสด็จขึ้นแท่นรับการถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ 

ต่อจากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังเทศบาลตำบลนาโยงเหนือ ครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึง นายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงรับเทียนชนวนจากเจ้าพนักงานพระราชพิธี ทรงจุดเทียนชนวนที่โคมไฟฟ้า แล้วพระราชทานเทียนชนวนที่ทรงจุดแก่ นายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นำไปสักการะพระพุทธจอมไตร ณ วัดจอมไตร ตำบลนาโยงเหนือ อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง เพื่อเป็นพุทธบูชา เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลหลักเมืองพัทลุง ตำบลท่ามิหรำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง

เวลา 18.04 น เสด็จพระราชดำเนินถึงศาลหลักเมืองพัทลุง อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ แล้วเสด็จเข้าพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนางปราณี รัตนประยูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร และหนังสือที่ระลึก

160657143796  

ต่อจากนั้น พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ และความเป็นมาของศาลหลักเมืองพัทลุง จากนั้น ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นยันต์ ทรงม้วนแผ่นยันต์ แล้วสวมแหวนนพรัตน์ที่ม้วนยันต์ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ จากนั้น พระราชทานแผ่นยันต์ที่จะบรรจุหัวเม็ดทรงมัณฑ์ คืนเจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญไปยังศาลหลักเมืองแล้ว เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปยังศาลหลักเมืองพัทลุง ทรงบรรจุแผ่นยันต์ที่หัวเม็ดทรงมัณฑ์ ทรงสวมยอดหัวเม็ดทรงมัณฑ์ที่ยอดเสาศาลหลักเมือง พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะ ศาลหลักเมืองพัทลุง ทรงกราบ จากนั้น ทรงพระดำเนินไปทรงปลูกต้นพะยอมแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ประทับพระราชอาสน์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณในการบูรณะซ่อมแซมศาลหลักเมืองพัทลุง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานของที่ระลึก

160657147647

จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ เสร็จแล้ว เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังบริเวณด้านหน้าศาลหลักเมืองพัทลุง แล้วประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่ง ทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ซึ่งมีพระสงฆ์ และราษฎรจากอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดพัทลุง และจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง โดยต่างพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลือง เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินผ่าน ราษฎรต่างพร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ถวายพระพรอย่างกึกก้อง และโบกธงชาติ ธงพระปรมาภิไธย วปร. และธงนามาภิไธย สท. รวมถึงเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ฉายกับสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี มาชูขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดทูนต่อสถานบันพระมหากษัตริย์ กับทั้งยังได้ร่วมทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศล 

ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงแย้มพระสรวล มีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรอย่างใกล้ชิด สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานตรัง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร

ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กองแพทย์หลวงร่วมกับโรงพยาบาลพัทลุง โรงพยาบาลควนขนุน และหน่วยแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง มาให้การดูแลราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จ รวมทั้งยังพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎร โดยมีเมนูคั่วกลิ้งไก่ ไข่ต้ม ไก่นักเก็ต ไข่เจียว เพื่อให้ได้รับประทานอิ่มท้อง ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เพราะแต่ละคนตั้งใจที่จะมาจองพื้นที่ตั้งแต่เที่ยง เพื่อรอชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศาลหลักเมืองพัทลุงในวันนี้ (28 พ.ย.63) นับเป็นการเสด็จพระราชดำเนินมาจังหวัดพัทลุงเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 

จังหวัดพัทลุงเป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน แม้จะเคยมีหลักเมืองเป็นศูนย์กลางของเมืองมาก่อน แต่เนื่องจากมีการย้ายที่ตั้งหลายครั้ง ทำให้หลักฐานเกี่ยวกับหลักเมืองไม่ชัดเจน แม้จะมีร่องรอยอยู่บ้าง เช่น โคกบางแก้ว เมืองเก่าชัยบุรี และเมืองเก่าบ้านลำปำ ซึ่งชำรุดผุพังไปตามกาล หลังจากย้ายเมืองพัทลุงไปตั้งที่อื่นในแต่ละครั้ง ครั้งสุดท้าย เมื่อพุทธศักราช 2466 ย้ายมาอยู่ที่ตำบลคูหาสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งเมืองพัทลุงในปัจจุบัน ก็ยังไม่มีการสร้างศาลหลักเมืองแต่อย่างใด 

ต่อมา เมื่อพุทธศักราช 2553 ชาวพัทลุงและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร่วมกันบริจาคทรัพย์เพื่อสมทบทุนการก่อสร้างศาลหลักเมืองพัทลุงขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี ณ บริเวณวัดควนปรง หมู่ที่ 2 ตำบลท่ามิหรำ อำเภอเมืองพัทลุง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีทำเลเหมาะสม อยู่บริเวณเนินสูง สวยงาม เส้นทางคมนาคมสะดวก และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในอดีต โดยให้ รองศาสตราจารย์ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาสถาปัตยกรรม เป็นผู้ออกแบบการก่อสร้าง

ศาลหลักเมืองมีความสำคัญตามประเพณีโบราณ นิยมสร้างหลักเมืองไว้เป็นมิ่งขวัญ เป็นนิมิตมงคล สำหรับให้รู้ว่าหลักบ้าน หลักเมืองอยู่ที่ไหน ประชาชนบ้านเมืองนั้นย่อมร่มเย็นเป็นสุข เพราะมีเทพรักษาเมือง ได้แก่ พระทรงเมือง พระเสื้อเมือง เทวดา และเทพารักษ์ ทั้งหลาย หลักเมืองต้องฝังไว้ในย่านกลางเมือง หรือให้ทำเลที่ชัยภูมิตามทิศทางของเมืองและในสมัยโบราณ เมืองเอกหรือเมืองชั้นราชธานีจะต้องมีหลักเมืองไว้เป็นนิมิตมงคลสำหรับเมืองทุกเมือง

160657148198