‘หุ้น-เงินบาท-ทองคำ’ จับกระแสเงินทุนต่างชาติยังลุ้นปัจจัยใหม่กระตุ้น

‘หุ้น-เงินบาท-ทองคำ’ จับกระแสเงินทุนต่างชาติยังลุ้นปัจจัยใหม่กระตุ้น

“หุ้น-เงินบาท” จับทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติ ลุ้นปัจจัยใหม่กระตุ้น ทั้งถ้อยแถลงเฟด มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและประเด็นทางการเมืองของไทย ขณะที่ ”ทองคำ” ขยับขึ้นกรอบจำกัด แม้มีข้อกังวลวัคซีน หากราคาผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปเหนือโซน 1,833ดอลลาร์ต่อออนซ์

ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้(23-27..63)ปรับตัวขึ้นเพิ่มขึ้น 48.44 จุด หลังได้ปัจจัยหนุนจากกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง รวมเป็นมูลค่าสุทธิเกือบ 4 หมื่นล้านบาทตลอดจนแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศที่ช่วยขับเคลื่อนให้ดัชนีฯ เคลื่อนไหวในแดนบวกได้

แม้ช่วงต้นสัปดาห์อาจจะมีความกังวลเรื่องเหตุการณ์ประท้วงอยู่บ้าง แต่เมื่อไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง จึงคลายความกังวล อีกทั้งยังได้กระแสข่าวดีกับความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19ที่ทยอยมีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อ ส่งผลให้ในวันศุกร์ปิดในระดับ 1,437.78 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด หรือ 0.29% มูลค่าการซื้อขาย 77,321.67 ล้านบาท 

ด้านนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,664.79 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,434.41 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 498.52 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,600.68 ล้านบาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (30..-4..) ประเมินแนวรับที่ 1,430 และ 1,415 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,455 และ 1,470 จุดตามลำดับ  โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและประเด็นทางการเมืองของไทย ตลอดจนสถานการณ์โควิด-19 ประเด็น Brexit และการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนพ.. ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ..ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.. ของไทย

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุ ความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทนั้น แข็งค่าเล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวในภาพรวมยังเป็นกรอบแคบๆ ตลอดสัปดาห์ ขณะที่ตลาดรอติดตามปัจจัยและสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รวมถึงสัญญาณการเข้าดูแลค่าเงินบาทของทางการ

นอกจากนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตรไทยมีสัญญาณชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงหลายสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ดีเงินบาทเริ่มทยอยแข็งค่ากลับมาในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาครับข่าวดีเรื่องการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายหลังข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด

ในวันศุกร์ (27 ..) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.29 เทียบกับระดับ 30.32 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (20 ..)

สำหรับสัปดาห์หน้า (30 ..-4 ..) ธนาคาร  กสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามน่าจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของประธานเฟด การตอบรับของตลาดต่อทีมเศรษฐกิจใหม่ของนายโจ ไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ สถานการณ์โควิด-19 โลก และข้อมูล PMI เดือนพ.. ของจีนและยูโรโซน ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนต.. อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.. กระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และปัจจัยทางการเมืองของไทย

ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ดัชนี PMI และดัชนี ISM ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนต.. และรายงาน Beige Book ของเฟด

ส่วนความเคลื่อนไหวราคาทองคำวันศุกร์ ปิดที่ 1,810.13  ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 25,950 บาทต่อบาททองคำ

ด้านวายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่าจากความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่พัฒนาโดยAstrazeneca หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญหลายรายในสหรัฐ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางส่วนระบุว่าอาจขัดขวางการอนุมัติค้านกฎระเบียบ ประเด็นดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำ

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นในระดับจำกัด เมื่อประธานาบริหารของบริษัท Astraeneca ระบุว่าทางบริษัทมีแนวโน้มจะดำเนินการทดลองทั่วโลกเพิ่มเติม ประกอบกับ นายแพทริค วอลแลนซ์ หัวหน้าคณะที่ปรึษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษ แสดงความมั่นใจต่อประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าว จึงส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับจำกัด

ทั้งนี้ ราคาทองคําพยายามทดสอบแนวต้านโซน 1,818-1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจจับตาว่าจะผ่านได้หรือไม่ หากไม่ผ่านอาจได้เห็นการตัวลงทดสอบแนวรับ 1,800-1,794 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตามหากราคาสามารถผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปเหนือโซน 1,833ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้  ยังคงเน้นการเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงและแบ่งขายบางส่วนเมื่อราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่หากราคาผ่านแนวต้านได้สามารถถือต่อเพื่อรอขายที่แนวต้านถัดไป