‘ดาวโจนส์’ร่วง 173 จุดก่อนปิดทำการวันขอบคุณพระเจ้า

‘ดาวโจนส์’ร่วง 173 จุดก่อนปิดทำการวันขอบคุณพระเจ้า

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพุธ(25พ.ย.)ปรับฐาน หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อวานนี้ ขณะที่คาดว่าการซื้อขายจะเบาบางในวันนี้ ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการในวันนี้(26พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะมีการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 173.77 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 29,872.47 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 5.76 จุด หรือ 1.60% ปิดที่ 3,629.65 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 57.08 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 12,094.40 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุด ทะลุแนว 30,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร(24พ.ย.) ขานรับความชัดเจนของทิศทางการเมืองสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 13% ในเดือนนี้ ทำให้มีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นเมื่อเทียบรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งเหนือระดับ 30,000 จุดเมื่อวานนี้เป็นครั้งแรก หลังจากปธน.ทรัมป์มอบหมายให้นางเอมิลี เมอร์ฟีย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐ (จีเอสเอ) เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่คณะบริหารของนายไบเดน ซึ่งทำให้เขาสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆที่จำเป็นในการถ่ายโอนอำนาจ และเปิดทางให้สามารถเข้าทำหน้าที่ในทำเนียบขาวได้อย่างราบรื่น

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 778,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 733,000 ราย จากระดับ 742,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 33.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้

ตัวเลขการขยายตัวดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1

สหรัฐมีการขยายตัวสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ระดับ 16.7% โดยทำไว้ในไตรมาสแรกของปี 2493

การขยายตัวเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐในไตรมาส 3/2563 ได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเริ่มมีการจ้างงาน หลังจากที่ได้ปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 31.4% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์ หลังจากหดตัว 5% ในไตรมาส 1 ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% หลังจากพุ่งขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย.

นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.7% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากพุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย.