‘ดาวโจนส์’ พุ่ง 454 จุดทำสถิติใหม่ทะลุ 3 หมื่นจุดเป็นครั้งแรก

‘ดาวโจนส์’ พุ่ง 454 จุดทำสถิติใหม่ทะลุ 3 หมื่นจุดเป็นครั้งแรก

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร(24พ.ย.)พุ่งขึ้นกว่า 454 จุด โดยทำสถิติใหม่ทะลุ3หมื่นจุดเป็นครั้งแขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่นายโจ ไบเดน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 454.97 จุด หรือ 1.54% ปิดที่ 30,046.24 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 57.82 จุด หรือ 1.62% ปิดที่ 3,635.41 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 156.15 จุด หรือ 1.31% ปิดที่ 12,036.78 จุด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้มอบหมายให้นางเอมิลี เมอร์ฟีย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐ (จีเอสเอ) เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่คณะบริหารของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว ซึ่งทำให้นายไบเดนสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ที่จำเป็นในการถ่ายโอนอำนาจ เพื่อให้เขาสามารถเข้าทำหน้าที่ในทำเนียบขาวได้อย่างราบรื่น

นอกจากนี้ จีเอสเอ ยังอนุมัติเงินกว่า 7 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีให้กับนายไบเดน

ด้านแอสตร้าเซนเนก้า เปิดเผยว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด มีประสิทธิภาพ 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19

ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และไบออนเท็ก ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี ได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) เมื่อวันศุกร์ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน

ทั้งนี้ ไฟเซอร์นับเป็นบริษัทแรกที่ยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ต่อเอฟดีเอเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยบริษัทระบุว่า วัคซีน BNT162b2 มีประสิทธิภาพมากถึง 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งสูงกว่าวัคซีนของโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งให้ผล 94.5%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับคาดการณ์ที่ว่า นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะช่วยเพิ่มแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 4-5 พ.ย.ที่มีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นของเฟดเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19