นั่งไม่ติด 'ผู้ส่งออก' ร้อง คลัง-ธปท. ดูแลบาทแข็ง

นั่งไม่ติด 'ผู้ส่งออก' ร้อง คลัง-ธปท. ดูแลบาทแข็ง

สรท. เข้าพบ รมว.คลัง - ผู้ว่า ธปท. ขอให้ช่วยดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าให้อ่อนลง โดยควรอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับต้นทุน

นางสาวกัณญภัค ตันติพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.)เปิดเผยภายหลังการเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 24พ.ย.2563 ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า ได้เข้าพบเพื่อแสดงความยินดีในโอกาสรับตำแหน่ง และ ได้ขอบคุณที่มีนโยบายดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไป และในวันเดียวกันได้เข้าพบกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เพื่อขอให้ช่วยดูแลค่าเงินบาทด้วย

“เรื่องค่าเงินบาท เราก็ขอบคุณท่าน ในการดูแลค่าเงิน แต่อำนาจอยู่ที่ธปท.ก็อยากให้ดูแลให้เงินบาทให้อ่อนค่าลงไประดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจริงๆถ้ามองวันนี้ มันแข็งไปทื่ 30.3 บาทต่อดอลลาร์ และมีโอกาสแข็งค่าไปอีก โดยหลายสำนักวิเคราะห์บอกว่า ปีหน้าบาทจะแข็งไปที่ 29.5 บาทต่อดอลลาร์ เรามองว่า จะเกิดความเสี่ยง เพราะถ้าเราคำนวนต้นทุนกับราคาขาย เราบอกว่า มันแข็งมาก ขณะที่ หลายๆประเทศยังไม่เห็นค่าเงินแข็งขนาดนั้น”

ทั้งนี้ ทุกครั้งที่เราคุยกับธปท.อยากให้ดูแลค่าเงินในระดับที่เหมาะสม โดยเดิมมองที่สกุลเงินบาทที่ 34 บาทต่อดอลลาร์ แต่วันนี้ ถ้าอยากให้สบายใจนิดนึงก็อยากให้อยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์ ยังดีกว่า เพราะตอนนี้ ค่อนมาที่ 30 บาทต่อดอลารร์ ก็มีโอกาสตกไปอีก ถ้าปลายๆที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจึงจะสบายใจ ซึ่งดูมาตรการธปท.ที่ออกมา ก็ทำให้บาทอ่อนลงมาเล็กน้อยและยังนิ่งๆ

นอกจากนี้ ได้หารือถึงเรื่องตู้ขนสินค้าเรือที่ขาดแคลนที่อาจกระทบต่อการส่งออก พร้อมขอให้รมว.ช่วยเร่งรัดเรื่องการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์(NSW) ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐกับเอกชนก็ยังไม่ค่อยดี ก็อยากให้กรมศุลกากรช่วยดูว่า จะทำอย่างไร โดยเมื่อเกิดปัญหาโควิด-19 ทำให้เราติดปัญหาเรื่องการยื่นขอใบอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย

“ตอนนี้ มีการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐกับรัฐแล้ว 37 หน่วยงาน ยังเหลืออีก 7 หน่วยงาน แต่ยังไมเชื่อมกับเอกชนทั้งหมด ท่านก็จะไปติดตามให้ จริงๆกรมศุลฯก็ทำอยู่แล้ว แต่อยากเรียนให้ท่านช่วยเร่งรัด ขณะเดียวกัน อยากเห็นการปรับระเบียบกฎหมายของทุกกระทรวงให้มีความทันสมัย เพื่อให้เกิดความสะดวกในการประกอบธุรกิจ”

สำหรับ ตัวเลขการส่งออกเดือน ต.ค.ที่ติดลบ 6.71 % แม้ตัวเลขติดลบจะสูงกว่าเดือนก.ย. แต่สาเหตุสำคัญมาจากการส่งออกทองคำที่ลดลง ทั้งนี้พบว่ามูลค่าการส่งออกยังอยู่ที่ 19,000 ล้านดอลลาร์ก็ยังถือว่าเป็นมูลค่าที่สูง ถ้าส่งออกที่เหลือ 2 เดือนของปีนี้เฉลี่ยเดือนละ 19,000 ล้านดอลลาร์ การส่งออกของไทยทั้งปีก็จะติดลบ7 % เป็นตามที่ สรท.ได้คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้การส่งออกที่ดีขึ้นเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกกลับมากระเตื้องขึ้น

อย่างไรก็ตาม การส่งออกไทยยังมีปัญหาเรื่องค่าเงินบาทแข็งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยทางธนาคารแหส่งประเทศไทย(ธปท.)ออกมาตราการดูแลค่าเงินบาทแต่ก็ยังพบว่าค่าเงินบาทก็ยังแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่แข่ง

นอกจากนี้ยังมีปัญหาตู้ขนส่งสินค้าหรือตู้คอนเทนเนอร์ที่ไม่เพียงพอสำหรับการส่งสินค้า ที่ขณะนี้หลายกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสิ่งทอ กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มอาหาร ก็มีปัญหาการขาดแคลนตู้สินค้า โดยขณะนี้ทางสรท. ผู้ประกอบการได้มีการหารือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็เร่งให้สายเดินเรือนำตู้เปล่ากลับมาแม้จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งหากได้ตู้สินค้าเพิ่มขึ้นก็จะทำให้การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สำหรับการส่งออกในปีหน้าทางสรท.ได้มีการประเมินคร่าวๆจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เริ่มดีขึ้น เชื่อว่าการส่งออกของไทยจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ประมาณ 5 %