'สุพัฒนพงษ์' ชี้สัญญาณดี สภาธุรกิจสหรัฐฯเตรียมเข้าพบนายกฯ

'สุพัฒนพงษ์' ชี้สัญญาณดี สภาธุรกิจสหรัฐฯเตรียมเข้าพบนายกฯ

สภาธุรกิจสหรัฐ - อาเซียน เตรียมเข้าพบนายกฯพรุ่งนี้ “สุพัฒนพงษ์”ชี้เป็นสัญญาณดีต่อเนื่อง ที่นักลงทุนให้ความสนใจไทย พร้อมถกหาพันธมิตรร่วมลงทุน มั่นใจการเมือง การชุมนุมในวันพรุ่งนี้ ไม่กระทบความเชื่อมั่นในการลงทุน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา–อาเซียน (US- ASEAN Business Council: USABC) จะนำคณะนักธุรกิจสหรัฐอเมริกาที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ว่าเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากสะท้อนให้เห็นว่าไทยมีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะดึงนักลงทุนจากต่างชาติเข้าประเทศได้ และล่าสุดบริษัทจัดอันดับเครดิตเรทติ้งอย่างสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยเหมือนเดิมที่ BBB+ ทั้งแนวโน้มที่มองไปข้างหน้าและสถานการณ์ในปัจจุบัน 

ตนได้มีการพูดคุยกับนักลงทุนบางส่วนที่จะพบกับนายกรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนักธุรกิจและนักลงทุนได้มีการสอบถามหลายเรื่อง ซึ่งไทยยืนยันมีความพร้อมและมีสิ่งจูงใจดึงดูด ความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากไทยมีการปรับเปลี่ยนในหลายด้าน ซึ่งหากบริษัทต่างชาติต้องการหาพันธิตรที่จะลงทุนก็มีบริษัทในไทยจำนวนมากที่มีศักยภาพสามารถที่จะร่วมลงทุนกับบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯได้

160619044527

"ถือเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนมาเข้าพบ แสดงให้เห็นว่ามีความสนใจจะลงทุนในประเทศไทย โดย จึงขอให้นักลงทุนสบายใจ และไว้วางใจ เรามีความพร้อมรับมือกับการลงทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่ และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมในไทย ไม่ให้พึ่งพิงอุตสาหกรรมกลุ่มใดหนึ่ง หากจำเป็นที่จะต้องมีพันธมิตรในประเทศไทยก็มีจำนวนมาก เราก็อยากได้เขามาร่วมเป็นพันธมิตรโดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือดาวน์โจนส์ ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือระดับโลก"

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีการการนัดชุมนุมใหญ่ช่วงเวลาเดียวกับที่นักลงทุนสหรัฐฯจะเข้าพบนายกรัฐมนตรีนั้น ส่วนตัวเชื่อว่านักลงทุนไม่ได้คำนึงถึงในประเด็นนั้น เพราะเชื่อว่านักลงทุนจะพิจารณาจากการบริหาร จัดการ การชุมนุมของภาครัฐที่ผ่านมา ที่สามารถควบคุมและดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยได้ 

อีกทั้งข้อเสนอของผู้ชุมนุม และ การแสดงออกมาหากไม่มีลักษณะก้าวร้าว หรือว่าสร้างความเสียหายที่กระทบกับการลงทุนมากนัก แต่ก็ต้องระมัดระวัง แม้ผู้ชุมนุมจะมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เช่นเดียวกันกับที่รัฐบาล ก็ต้องปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย ในการดูแลการชุมนุม เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนจับตามองในขณะนี้