ตามคาด 'วิรัช' นั่งประธานกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ประกาศพร้อมคุยทุกฝ่าย

ตามคาด 'วิรัช' นั่งประธานกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ประกาศพร้อมคุยทุกฝ่าย

ไม่พลิก 'วิรัช' นั่งประธานกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ พร้อมพูดคุยกับทุกฝ่ายเพื่อผลสำเร็จ ย้ำ ห้ามแตะหมวดหนึ่งและสอง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 พ.ย.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) โดยเป็นการประชุมนัดแรก มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด เป็นประธานชั่วคราว ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทั้งนี้ ผลการประชุม ที่ประชุมได้เลือกนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานกมธ. ด้วยคะแนน 27 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านเสนอ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) ชิงตำแหน่ง แต่ได้คะแนน 12 เสียง 

จากนั้น เวลา 10.10 น. นายวิรัช กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณ กมธ. ที่เลือกตนเป็นประธาน อย่างไรก็ตาม สำหรับหน้าที่ของกมธ. จากนี้ไป เราคงจะได้กำหนดกรอบการทำงาน โดยเฉพาะเวลาการประชุมว่าเราจะประชุมอาทิตย์ละกี่วัน และเราจะทำงานกันแบบไหน ซึ่งที่ประชุมจะได้ร่วมกันกำหนด ส่วนตนเองนั้นจะทำหน้าที่ควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามร่างที่ทางรัฐสภาส่งมา โดยมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลเป็นหลัก แต่ก็สามารถปรับยืดหยุ่นตามสถานการณ์ และความเหมาะสมของการทำงานได้

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านอยากให้พิจารณาเร็วขึ้นก่อน 45 วัน นายวิรัช กล่าวว่า อยู่ที่การทำงาน ถ้าทำงานลื่นไหลคงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากติดขัดอะไร แล้วใช้เวลาประชุมหนึ่งวันต่อสัปดาห์ไม่เพียงพอ ก็อาจจะต้องเพิ่มการประชุมในวันเสาร์ นอกจากนี้ เรายังได้เตรียมตั้งคณะอนุกมธ.เพื่อมาดูแลในรายละเอียด เช่น เรื่องคุณสมบัติ ส.ส.ร. ฯลฯ ที่เราต้องทำโดยละเอียด เนื่องจากรายละเอียดมีมาก

เมื่อถามว่า ทางฝ่ายค้านเองเขาก็อยากได้เนื้อหาในร่างของฝ่ายค้าน และเนื้อหาจากร่างที่ตกไปโดยเฉพาะร่างของประชาชนมารวมด้วย นายวิรัช กล่าวว่า เราสามารถมาคุยกันในห้องประชุมได้ ซึ่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของเราก็มีความคล้านคลึงกันอยู่แล้ว โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจอีก 38 มาตรา นอกนั้นเรื่องอื่นๆก็มาว่ากันอีกครั้ง

เมื่อถามว่า การใช้ร่างของรัฐบาลในการพิจารณาเป็นหลักอาจทำให้เกิดการไม่ยอมรับ นายวิรัช กล่าวว่า เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ บางทีเราจะเอาใจข้างหนึ่งข้างใดไม่ได้ ต้องยึดเกณฑ์กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นหลัก