“สุทิน”จ่อเอาผิดมือโพสต์บิดเบือนตัดเงินบำนาญขรก.เกษียณ

“สุทิน”จ่อเอาผิดมือโพสต์บิดเบือนตัดเงินบำนาญขรก.เกษียณ

“สุทิน”จ่อเอาผิดมือโพสต์บิดเบือนตัดเงินบำนาญขรก.เกษียณ ปูด “นายทหารยศพล” ต้นตอปล่อยข่าว มอบทนายหาหลักฐานเพิ่มเติม

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพท. และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงถึงกรณีการนำเสนอพร้อมแชร์คลิป และข้อความข่าวบิดเบือนในโซเชียล ระบุตนเองเสนอลดเงินบำนาญข้าราชการ ว่า ทั้งคลิป และข้อความมีการเผยแพร่ในโซเชียลมานานเกือบ 6 เดือนแล้ว ซึ่งตนเคยตักเตือนผู้ที่เผยแพร่ไปก่อนหน้านี้แล้วว่า หากไม่หยุดจะดำเนินคดี ซึ่งคลิปและข้อความดังกล่าวได้หายไปพักหนึ่ง มาวันนี้ก็กลับมาระบาดอีกครั้ง

 

“เมื่อเปิดเข้าไปดูคลิปที่ตนอภิปรายในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 จะเห็นว่าสาระตรงกันข้าม สาระที่ตนเน้น คือไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุราชการจากเกษียณจาก 60 ปี เป็น 63 ปี ตนเห็นควรเอาเงินมาจ้างเด็กจบใหม่ดีกว่า ช่วยให้เด็กไม่ตกงาน และเมื่อคนเก่าเกษียณก็จะไม่ปิดกั้นโอกาสข้าราชการที่จะเจริญขึ้น ตนพูดแค่นั้น แต่ข่าวกลับออกมาคนละทิศละทาง”

นายสุทินกล่าวต่อว่า คนที่ไม่ได้ดูคลิป โดยเฉพาะข้าราชการบำนาญอาจตกใจ และแชร์ต่อโดยไม่รู้สาระ แต่บางส่วนที่ตั้งใจโพสต์และแชร์เพื่อทำลายตน ซึ่งตนเตือนแล้วก็เงียบไป แต่คราวนี้กลับมาใหม่ ตนสงสัยว่าทำไมมาเผยแพร่ช่วงนี้ และใครเป็นตัวการ และได้คำตอบว่าขณะนี้กำลังจะมีการเลือกตั้ง อบจ. และ อบต. หวังผลไม่ให้เลือกพรรค พท. และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซึ่งพวกท่านกำลังตกเป็นเครื่องมือ

 

ขณะนี้กำลังทำลายเครดิตการเลือกตั้งของทั้งสองพรรค คนที่ทำมุ่งเป้าไปที่พรรคเพื่อไทยและก้าวไกล แสดงว่าคนที่ทำไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตย และเมื่อย้อนไปดูโซเชียล ต้นตอที่ทำช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เป็นนายทหารยศพลเรือโทที่เกษียณแล้วและแชร์ข้อความในกลุ่มที่ตรงกันข้ามกับเรา

ตนมอบหมายทนายความแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่โพสต์ และแชร์ข้อความที่บิดเบือนแล้ว เริ่มจากปลายทางก่อน เพราะถือว่าท่านเจตนาไม่บริสุทธิ์ จากนี้ใครโพสต์และแชร์ต่อจะแจ้งความดำเนินคดีไว้ก่อน ใครที่บริสุทธิ์เตรียมหลักฐานไว้แก้ต่าง หรือชี้ต้นตอเพื่อให้สาวไปถึงใครที่ตกเป็นเหยื่อการเมือง ขอให้หยุด ซึ่งขณะนี้เกือบสองร้อยคนที่แชร์ซึ่งผมพร้อมดำเนินคดี

 

“ยืนยันว่าผมไม่ได้พูด ผมแค่ระบุว่าให้ข้าราชการเกษียณตามอายุราชการ โดยเรื่องสวัสดิการเป็นเรื่องที่รัฐต้องดูแลให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ วันนี้ทีมเศรษฐกิจพรรค พท.ได้ศึกษาเรื่องนี้แล้ว เราป็นห่วงว่ารัฐบาลจะหาเงินมาจัดการระบบนี้ไม่พอ ซึ่งเรามีวิธีการจัดการปัญหานี้โดยไม่กระทบกับสวัสดิการของทุกท่าน ซึ่งจะไม่มีความเสี่ยง” นายสุทินกล่าว