โครงการ 'คนละครึ่ง' เสียงร้องให้ขยายต่อ

โครงการ 'คนละครึ่ง' เสียงร้องให้ขยายต่อ

การที่โครงการ "คนละครึ่ง" กระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลตรงจุด สร้างการหมุนเวียนเศรษฐกิจได้มากท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่ยังต้องเผชิญ ประเด็นที่รัฐบาลควรพิจารณาดำเนินการต่อ นอกจากขยายระยะเวลาโครงการ อาจจะพิจารณาถึงด้านงบประมาณที่สามารถนำมาใช้เพิ่มเติมด้วย

สำนักวิจัยเริ่มทยอยปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 หลังจากที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศปรับประมาณการจีดีพีของปี 2563 เป็นติดลบ 6% จากเดิมก่อนหน้านี้คาดว่าจะติดลบ 7.5% เป็นผลมาจากการที่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ออกมาค่อนข้างดี โดยเฉพาะการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐเพิ่มขึ้น 18.5% การอุปโภคภาครัฐเพิ่มขึ้น 3.4% ทำให้จีดีพีไตรมาส 3 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีนี้ และทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยพ้นจุดต่ำสุดแล้ว

ในขณะที่เศรษฐกิจไตรมาส 4 ยังคงคาดหวังจากการใช้จ่ายของภาครัฐที่จะเป็นตัวนำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งออกที่มีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากการส่งออกรวม 3 ไตรมาส ติดลบ 7.2% และกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าการส่งออกทั้งปีจะติดลบไม่ถึง 10% รวมถึงการบริโภคที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล คือ โครงการคนละครึ่งและโครงการช้อปดีมีคืน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งที่มีผู้สนใจลงทะเบียนจำนวนมาก   

โครงการคนละครึ่งเป็นมาตรการที่กระทรวงการคลังเริ่มดำเนินการให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิวงเงินซื้อสินค้าตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค.2563 โดยรัฐช่วยจ่าย 50% ผู้ได้รับสิทธิจ่ายเอง 50% จำกัดสิทธิไม่เกินวันละ 150 บาทวัน รวมยอดรวมการใช้สิทธิไม่เกิน 3,000 บาทตลอดโครงการ และเป็นการใช้สิทธิผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังที่จะช่วยส่งเสริมระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังเร่งพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นและสอดคล้องกับงบประมาณที่มี

ปัจจุบันมีร้านค้ารายย่อยโครงการประมาณ 7.7 แสนร้านค้า ครอบคลุมร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านธงฟ้า ร้านโอทอปและร้านค้าทั่วไป ซึ่งถือว่าร้านค้าที่เข้าร่วมครั้งนี้มีจำนวนมากและดีกว่าการให้ร้านค้าปลีกแบบสะดวกซื้อของผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าร่วมโครงการด้วย และถ้ามีการขยายโครงการคนละครึ่งออกไปอีกคนมีการประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้ารายย่อยเข้าร่วมโครงการให้มากขึ้น เพื่อให้มีผู้ได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณรัฐมีจำนวนมากขึ้น

การที่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลตรงจุด รวมถึงงบประมาณที่จัดสรรลงไปสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง สร้างการหมุนเวียนเศรษฐกิจได้มากเป็นประเด็นที่รัฐบาลควรพิจารณาดำเนินการต่อ โดยนอกจากการขยายระยะเวลาโครงการออกไปแล้วอาจจะพิจารณาด้านงบประมาณที่สามารถนำมาใช้เพิ่มเติม โดยถ้าพิจารณาแล้วมีงบประมาณเพียงพอที่จัดสรรได้ก็อาจพิจารณาดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมา สศช.ระบุว่าพร้อมที่จะพิจารณางบประมาณที่กันไว้สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวงเงิน 400,000 ล้านบาท หากกระทรวงการคลังต้องการ