‘หัวเว่ย’ ย้ำ ‘5G’ เพิ่มมูลค่าอุตฯ เปิดโอกาสธุรกิจพุ่งทะยาน

‘หัวเว่ย’ โหมหนัก 5จี โลก ชี้สร้างมูลค่าใหม่ภาคอุตสาหกรรม พลิกวิถีชีวิตความเป็นอยู่ผู้คน วิถีการทำงาน ชูเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

“เคน หู” รองประธาน หัวเว่ย กล่าวภายในงาน Annual Mobile Broadband Forum ครั้งที่ 11 โดยกล่าวกับบรรดาผู้นำธุรกิจจากภาคโทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัลถึงมูลค่าใหม่ที่ 5จี จะนำมาสู่ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจากเทคโนโลยี 5จี จะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน รวมถึงวิธีการที่เราทำงานและเชื่อมต่อถึงกัน ดังนั้นภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะมีบทบาทสำคัญยิ่งในการสร้างมูลค่าใหม่ ที่ไปไกลเกินกว่าตลาดผู้บริโภค

ความท้าทายครั้งสำคัญของโลก

รองประธานหัวเว่ย กล่าวถึงประเด็นการเร่งปรับใช้เทคโนโลยี 5จี ในภาคอุตสาหกรรมว่า “เรื่องของนวัตกรรมไม่มีวิธีการสำเร็จรูป เราต้องมุ่งเน้นไปที่ความต้องการที่แท้จริง ในสถานการณ์จริง และสร้างศักยภาพต่างๆ ขึ้นมาให้ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น นี่คือความท้าทาย แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับทุกๆ คนที่มีส่วนร่วม”

การวางเครือข่าย 5จี ทั่วโลกมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว ในฐานะผู้นำด้าน 5จี ประเทศจีน ได้ติดตั้งสถานีฐานมากกว่า 600,000 สถานีในเมืองต่างๆ มากกว่า 300 แห่ง ซึ่งทำหน้าที่รองรับการเชื่อมต่อของสัญญาณ 5จี กว่า 160 ล้านโครงข่ายทั่วประเทศ ปัจจุบัน บริการ 5จี ในจีนมีความเร็วระดับหลายร้อยเมกะบิตต่อวินาที (Mbps) และมีบริการ 5จี ในหลากหลายขอบเขต ครอบคลุมภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศมากกว่า 20 อุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงการสาธารณสุข ท่าเรือ เหล็ก กริดไฟฟ้า เหมืองแร่ และอุตสาหกรรมการผลิต

นายหู ยังระบุว่า “การปรับใช้ 5จี ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ขยับจากการตรวจสอบเชิงเทคนิคสู่การติดตั้ง เพื่อใช้งานเชิงพาณิชย์แล้ว สถิติล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ทั้งสามของจีนได้ดำเนินโครงการนวัตกรรม 5จี แล้วกว่า 5,000 โครงการ และลงนามในข้อตกลงทางธุรกิจด้าน 5จี แล้วกว่า 1,000 รายการ”

เขาเล่าถึงข้อสังเกต 4 ประการเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการผลักดันนวัตกรรม 5จี สำหรับภาคอุตสาหกรรมด้วยว่า ประการแรก ภาคอุตสาหกรรมต้องระบุความต้องการที่แท้จริงให้ได้ โดยอิงจากสถานการณ์การใช้งานทางธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง ขณะที่หลายภาคอุตสาหกรรมแสดงออกชัดเจนว่า พวกเขาพร้อมที่จะรับเอาเทคโนโลยี 5จี ไปใช้งาน ขณะที่ เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับรูปแบบการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง และประเมินว่า 5จี เป็นเครื่องมือที่ถูกต้องสำหรับงานนั้นๆ หรือไม่

"นี่เป็นวิธีที่ทำให้เราระบุได้ว่าส่วนใดคือความต้องการที่แท้จริงที่คุ้มค่าต่อการลงทุน” รองประธานหัวเว่ย กล่าว

นอกจากนี้ หัวเว่ย เสนอเกณฑ์ 4 ข้อเพื่อใช้ประเมินความต้องการที่แท้จริง ได้แก่ ความเกี่ยวข้องเชิงเทคนิค ศักยภาพทางธุรกิจ ความพร้อมด้านห่วงโซ่คุณค่า (value chain maturity) และการวางมาตรฐานกลาง จากหลักเกณฑ์ข้างต้น สถานการณ์ทั่วไป 4 ประการ แสดงให้เห็นความต้องการที่แท้จริงของการใช้ 5จี คือ ระบบควบคุมจากระยะไกลหรือ รีโมท คอนโทรล ระบบวิดีโอ แบคฮอล์ (Video Backhaul) ที่ใช้ในการสตรีมมิงวิดีโอ ระบบแมชชีน วิชั่น และระบบระบุตำแหน่งแบบเรียลไทม์หรือ เรียลไทม์ โพสิชั่นนิ่ง

5จี กลไกหนุนดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม

ประการที่สอง โครงข่ายต้องได้รับการปรับให้เข้ากันได้กับทุกสถานการณ์ โครงข่ายถือเป็นรากฐานสำคัญของบริการ 5จี ที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์โครงข่าย ตลอดจนการวางแผน การก่อสร้าง การบำรุงรักษา รวมถึงการปรับใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะต้องสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของการใช้งานแต่ละกรณีในอุตสาหกรรมต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายและผู้ค้าต้องทำงานร่วมกันและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยอิงจากความรู้ความเข้าใจเชิงลึกที่มีต่อปัญหาในระดับอุตสาหกรรม

ประการที่สาม อีโคซิสเต็มอันเฟื่องฟูของอุปกรณ์ 5จี เชิงอุตสาหกรรมคือกุญแจสำคัญ จากการคาดการณ์ของหัวเว่ย ภายในสิ้นปี 2563 ราคาโมดูล 5จี โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ และจะลดลงจนถึง 40 ดอลลาร์ภายในปี 2565 ซึ่งจะทำให้อีโคซิสเต็มของอุปกรณ์ 5จี สมบูรณ์มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ประการที่สี่ ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมต้องพัฒนาศักยภาพใหม่ ๆ เพื่อรองรับตลาด 5จี ในภาคธุรกิจ เทคโนโลยี 5จี เป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล อย่างไรก็ตาม โซลูชันนี้ไม่สามารถทำงานให้ครบวงจรได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น นอกจากการเชื่อมต่อแล้ว

ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมยังต้องพัฒนาบริการที่ครบวงจร เช่น บริการดำเนินการด้านคลาวด์ การพัฒนาแอพพลิเคชั่นในภาคอุตสาหกรรม และผสานรวมระบบอย่างครบวงจร เพื่อนำไปสู่การตอบโจทย์ในตลาดองค์กรซึ่งในขณะนี้ถือว่ายังขาดโซลูชันที่ครอบคลุมรอบด้านอยู่