“ไอลอว์”เตือนสติม็อบม.112-ขอให้กลัวไว้บ้าง

“ไอลอว์”เตือนสติม็อบม.112-ขอให้กลัวไว้บ้าง

“ไอลอว์”เตือนสติม็อบม.112-ขอให้กลัวไว้บ้าง อย่าคึกคะนอง ชี้ตำรวจดำเนินคดีได้เลย ไม่ต้องมีใครแจ้งความ

นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน ( iLaw) หรือ ไอลอว์   ได้ออกมาโพสต์ถึงอัตราโทษของมาตรา 112 พร้อมคำเตือนขอให้กลัวไว้บ้าง โดยระบุว่า ม.112 ห้าม 1.ดูหมิ่น 2.หมิ่นประมาท 3.แสดงความอาฆาตมาดร้าย–พระมหากษัตริย์ – พระราชินี – รัชทายาท – ผู้สำเร็จฯ โทษจำคุก 3-15 ปี

 

"ใครทราบแล้ว พร้อมยืนยันเส้นเสรีภาพ พร้อมรับผลที่ตามมา ขอแสดงความนับถือ ใครยังไม่ทราบ คึกคะนอง โดนคดีแล้วร้องไห้โวยวาย ขอให้ตั้งสติดีดีก่อนออกไป"

 

ทั้งนี้ มีคนสอบถามว่า วิจารณ์โดยสุจริตสามารถทำได้หรือไม่ นายยิ่งชีพ ตอบว่า ถ้าผมตีความก็สามารถทำได้ ถ้าตำรวจภายใต้อำนาจ คสช. ตีความ ก็ไม่ได้ ถ้าศาลที่ทำงานภายใต้พระประมาภิไธย ยังไม่เคยเห็นใครบอกว่าได้

“คนโดนจับที่ผมเคยเจอ ไม่ถึง 1 ใน 5 ที่เป็นผู้กล้า รู้ชะตากรรมอยู่แล้ว แต่ก็ยืนยันที่จะทำ ส่วนใหญ่ที่ทำ ไม่คิดว่าจะถูกจับได้ บางคนที่ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่อาจเตรียมตัวเตรียมใจต้องเข้าคุก แล้วผลกระทบที่ตามมามันสูงมาก ถ้าเตือนกันดีดี แล้วจะต้องโดนด่าก็โอเค ดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้เตือน”

 

ทั้งนี้ 2-3 ปีมานี้มาตรานี้ใช้น้อยลง แต่ความกลัวยังมีอยู่ไม่หมดไป ในทุกที่และทุกโอกาส ผมบอกเสมอว่า ขอให้กลัวไว้บ้าง เมื่อนโยบายกำหนดให้ไม่ใช้ได้วันนึงมันก็กำหนดให้ใช้ได้ มีประโยชน์อะไร ที่จะเชียร์ให้คนกล้าพูดทุกอย่างที่ตัวเองคิด แล้วติดคุก ทนายเหนื่อย ครอบครัวเครียด ขบวนก็มีภาระเพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายยิ่งชีพ พยายามตักเตือนพร้อมเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับกาช่วยเหลือคดี ม.112 ดังกล่าว ปรากฏว่า ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากพอสมควร เจ้าตัวจึงโพสต์ทวิตเตอร์อีกครั้งว่า

 

"ว่าแล้วต้องโดนด่า ด่ามาเลย หลายคนรู้จักผมเพราะทำเรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งเพิ่งทำมาสี่ปีกว่าตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญ แต่เรื่อง #ม112 ทำมาตั้งแต่ปี 53 หลังสลายเสื้อแดง พอใครมีชื่อในข่าวมีหมายมาที่บ้าน ก็วิ่งมาขอความช่วยเหลือ ช่วงปี 57-58 คนโดนจับหลายสิบ ขึ้นศาลทหาร ไปเยี่ยมในคุกมาทุกคน"

 

นอกจากนี้ นายยิ่งชีพ ยังให้คำอธิบายข้อกฏหมายด้วยว่า ตามกฎหมายที่มีอยู่ตอนนี้ คดี112 ไม่ต้องแจ้งความก็ได้ ตำรวจมีหน้าที่ริเริ่มดำเนินคดีได้เองเลยโดยไม่ต้องมีใครแจ้ง คนที่ไปแบบนี้อาจจะเรียกได้ว่า “ผู้กล่าวโทษ” ถ้าหากเนื้อหาที่เอามาแจ้งไม่มีมูลตำรวจก็จะพิจารณาแล้วไม่ทำต่อ