'เวียดนาม'ชาติเดียวอาเซียนจีดีพีโตแซงสิงคโปร์-มาเลย์

'เวียดนาม'ชาติเดียวอาเซียนจีดีพีโตแซงสิงคโปร์-มาเลย์

'เวียดนาม'ชาติเดียวอาเซียนจีดีพีโตแซงสิงคโปร์-มาเลย์ และประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

เวียดนาม ก้าวขึ้นมาเป็นชาติเศรษฐกิจผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่อีกหลายประเทศในภูมิภาคเดียวกันพยายามดิ้นรนต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้น และมีความเป็นไปได้สูงที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ของเวียดนาม จะทะยานแซงหน้าจีดีพีสิงคโปร์และมาเลเซีย ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดส่งออกของเวียดนามที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับเวียดนามสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19ได้อย่างดี

จีดีพีที่แท้จริงของเวียดนามในไตรมาส3ขยายตัว 2.6%เป็นการขยายตัวของจีดีพีติดต่อกันเป็นไตรมาสที่2ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวขยับขึ้นมาอยู่อันดับสี่ในกลุ่มอาเซียนในปีนี้ โดยแซงหน้าเศรษฐกิจสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์

สวนทางกับเศรษฐกิจอาเซียนอื่นๆ เวียดนามประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่การส่งออกที่เพิ่มขึ้นช่วยให้จีดีพีของเวียดนามขยายตัวอย่างต่อเนื่องและบรรดาบริษัทข้ามชาติต่างพากันย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้ามาในเวียดนามเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับระบบห่วงโซ่อุปทาน โดยการส่งออกของเวียดนามในเดือนต.ค.ขยายตัว 9.9% เป็น 26.7 พันล้านดอลลาร์และกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม คาดการณ์ว่า ตลอดทั้งปีการส่งออกจะเพิ่มขึ้นประมาณ3-4%

เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่เป็นพิเศษของบริษัทเมิร์สค์ทอดสมอที่ท่าเรือกายเม๊บของเวียดนามในช่วงปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยท่าเรือแห่งนี้เป็นท่าเรือใหญ่สุดทางตอนใต้ของเวียดนาม โดยปกติเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่จะเลือกททอดสมอที่ท่าเรืออื่นในภูมิภาค อาทิ ท่าเรือในสิงคโปร์ แต่การส่งออกของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกระตุ้นความต้องการด้านการขนส่งสินค้าให้มากขึ้นในปริมาณที่มากพอที่บรรดาเรือขนส่งสินค้าประเมินว่าการแวะทอดสมอที่ท่าเรือของเวียดนามเป็นเรื่องที่คุ้มค่า

สิ่งที่เกิดขึ้นเปิดโอกาสให้มีการขนส่งสินค้าเวียดนามไปถึงมือผู้ซื้อโดยตรงมากขึ้น ด้วยความที่ต้นทุนการขนส่งถูกกว่า ใช้เวลาในการขนส่งน้อยกว่าและทำให้ประเทศแห่งนี้มีความสามารถด้านการแข่งขันมากขึ้นในฐานะผู้ส่งออก

กรณีพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเอื้อประโยชน์อย่างมากแก่การค้าของเวียดนาม ต้องขอบคุณบรรดาผู้ประกอบการตะวันตกและจากภูมิภาคอื่นๆที่ย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมาตั้งในเวียดนามเพื่อเลี่ยงการถูกเก็บภาษีจากสหรัฐและการตั้งฐานการผลิตในเวียดนามมีข้อได้เปรียบในด้านแรงงานมีทักษะ แรงงานราคาถูก ซึ่งข้อดีเหล่านี้เอง ทำให้ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติเกาหลี ที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในเวียดนามนานกว่า1ทศวรรษ เริ่มคิดที่จะปิดโรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในจีนและมาตั้งโรงงานผลิตในเวียดนามแทน

ในส่วนของสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19นั้น เวียดนาม รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่เพียงแค่ 1,300 รายเท่านั้น ทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคติดต่อนี้ค่อนข้างจำกัดไปด้วย โดยในเดือนเม.ย.เวียดนามใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเพียงแค่ 3 สัปดาห์ และกิจกรรมการผลิตทางด้านอุตสาหกรรมหวนกลับมาเดินสายการผลิตเร็วกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ทำให้การสูญเสียตำแหน่งงานไม่มากมาย ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภค ที่มีสัดส่วนประมาณ 70% ของจีดีพีประเทศยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆในอาเซียนยังไม่รอดพ้นจากผลกระทบของโรคโควิด-19 โดยไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่า จีดีพีเวียดนามตลอดทั้งปีจะขยายตัว 1.6% ขณะที่จีดีพีสิงคโปร์และมาเลเซียหดตัว 6%และประเทศไทยจีดีพีหดตัว 7.1%

สมาคมโรงแรมมาเลเซีย ระบุว่า เศรษฐกิจของมาเลเซียในไตรมาส3หดตัว 2.7% เพราะผลพวงธุรกิจการบริการในประเทศที่สร้างรายได้ให้ประเทศในสัดส่วน 60% ของจีดีดีปรับตัวลง 4% โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก ยอดเข้าพักในโรงแรมในมาเลเซียดิ่งลงเหลือแค่ 20% ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนต.ค.ในช่วงที่มีการพบผู้ติดเชื่้อไวรัสต้นตอโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก

กลุ่มอุตสาหกรรมของมาเลเซียเตือนว่าหากรัฐบาลไม่ออกมาตรการช่วยเหลือใดๆ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะถูกบีบบังคับให้ต้องตัดสินใจดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อความอยู่รอด ซึ่งรวมถึง การลดพนักงานระลอกใหม่

ขณะที่จีดีพีต่อหัวประชากรของเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 3,500 ดอลลาร์ซึ่งยังต่ำกว่าสิงคโปร์ที่ 58,500 ดอลลาร์ และมาเลเซียที่ 10,200 ดอลลาร์ แต่ปัญหาการระบาดของโรคโควิดยังคงเป็นตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้