CPALLชะลอเปิดเซเว่น 'กัมพูชา-สปป.ลาว'
CPALLชะลอแผนเปิดสาขา“เซเว่น-อีเลฟเว่น” ในกัมพูชา-สปป.ลาว เหตุโควิดระบาดไม่สามารถเดินทางไปดำเนินธุรกิจ แต่หากสถานการณ์คลี่คลายพร้อมเดินหน้าต่อยังคงเป้าเปิดสาขาใหม่ปีนี้ 700 สาขา ส่วนการลงทุนเทสโก้ โลตัส ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไข
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยว่า จากที่บริษัทได้รับใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจร้าน 7-Eleven กัมพูชา และสปป.ลาว นั้นบริษัทได้ชะลอแผนการเปิดสาขาใน 2 ประเทศดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปดำเนินธุรกิจได้ แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย บริษัทจะดำเนินการเปิดสาขาใน 7-Eleven ใน 2 ประเทศต่อไป
สำหรับการเปิดสาขาในประเทศไทยนั้น บริษัทยังคงเป้าหมายเดิมที่จะเปิดสาขาใหม่ปีนี้ 700 สาขา เพื่อให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่ แต่บริษัทจะพยายามให้สาขาที่เปิดใหม่มีผลการดำเนินงานที่ดีและมีกำไร โดยสิ้นเดือนก.ย. 2563 บริษัทเปิดสาขาใหม่แล้วจำนวน 513 สาขา ทำให้มีสาขารวมอยู่ที่ 12,225 สาขา ขณะที่งบลงทุนปีนี้จะอยู่ 11,500-12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการขยายสาขาให้ครบ 700 สาขา และการปรับปรุงสาขาเดิม ลงทุนโครงการใหม่ บริษัทย่อย ศูนย์กระจายสินค้า และสินทรัพย์ถาวรและระบบสารสนเทศ
ส่วนความคืบหน้าในลงทุนในเทสโก้ โลตัส หลังจากที่ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) อนุมัติให้ควบรวมกิจการได้แบบมีเงื่อนไขนั้น ปัจจุบันบริษัทฯยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในเงื่อนไขต่างๆ และวิเคราะห์ถึงผลกระทบว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร ก่อนตกลงรับเงื่อนไขและแจ้งให้กับทางผู้ขาย คือ เทสโก้ โลตัส ประเทศอังกฤษเตรียมดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้หากภายหลังการพิจารณาเสร็จแล้ว และมีการดำเนินการลงทุน แหล่งเงินทุนที่ใช้ในการลงทุน เทสโก้ โลตัสนั้น จะเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงินในประเทศและต่างประเทศก่อน หลังจากที่มีการทำรายการซื้อขายแล้ว บริษัทจะมีการศึกษาที่จะมีการรีไฟแนนซ์เงินกู้ดังกล่าว เพื่อให้มีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม โดยออกหุ้นกู้ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งจะมาใช้บริหารต้นทุนทางการเงินได้
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4 ปี2563 ซึ่งปกติจะเป็นช่วงไฮซีซัน แต่ปีนี้จากโควิด-19 ระบาดทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จากเดิมปีละ 40 ล้านคน ปีนี้หลายหน่วยงานคาดว่าจะไม่ถึง 10 ล้านคน และจำนวนนักท่องเที่ยวไทยลดลงจากปีละ 3 ล้านคน เหลือ 1 ล้านคน ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ปีนี้มีความท้าทายมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
