‘กบข.’รื้อแผนลงทุนระยะยาว รับมือสถานการณ์โลกเปลี่ยนหลังโควิดระบาด
“กบข.”เตรียม ทบทวนแผนลงทุนระยะยาว 5-10ปี รับมือโลกเปลี่ยน หลังโควิดระบาด คาดสรุปกลางปี64 มั่นใจผลตอบแทนการลงทุนปีหน้าเป็นบวก เหตุ หันเพิ่มสัดส่วนลงทุนหุ้นต่างประเทศมากขึ้น เน้นลงทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ พร้อมตั้งทีมพิเศษบริหารค่าเงิน
“การทบทวนแผนการลงทุนของกบข.ในภาวะปกติจะทบทวน 1 ครั้งในระยะเวลา5ปี แต่สถานการณ์ในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปมากไม่สามารถใช่กลยุทธ์ลงทุนแบบเดิมได้ หลังจากก่อนหน้านี้ที่ยังคงใช้แผนการลงทุนเดิมมาตลอดหลายปี ”
สำหรับผลตอบแทนการลงทุนในปี 2564 กบข.ยังมั่นใจจะเป็นบวกต่อเนื่องจากช่วงปี2563 ที่คาดว่าผลตอบแทนออกมาเป็นบวกเช่นกัน หลังจาก กบข.ได้มีการปรับกลยุทธ์ลงทุนหันมาเน้นการลงทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน อาเซียน และตลาดเกิดใหม่ เนื่องจาก ตลาดดังกล่าวสามารถฟื้นตัวได้ดีจากวิกฤติโควิด-19 และยังเติบโตดีต่อไปในอนาคต โดยบริษัทได้ปรับเพิ่มเพดานการลงทุนในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 30% เพิ่มเป็น 40% ปัจจุบันลงทุนต่างประเทศสัดส่วน 32% ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงในภาวะที่ไม่ปกติจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งการลงทุนในตลาดต่างประเทศ กบข.จะลงทุนผ่านกองทุนรวมในภูมิภาคนั้นๆ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนมากกว่าตลาด
ส่วนการลงทุนหุ้นไทยจะเน้นลงทุนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นๆ เป็นหลัก เนื่องจากในช่วงนี้ หากดูผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นไทยแล้วยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตลาดอื่นยัง และราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนกับสถานการณ์ที่แท้จริง ทำให้กบข.จำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดอื่นเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของหุ้นไทยก็ยังสามารถเข้าลงทุนได้ เพียงแต่เน้นลงทุนในกลุ่มหุ้นที่สามารถรับมือกับโควิด-19 ได้ดีหรือสามารถฟื้นตัวจากโควิด-19ได้เร็ว รวมถึงหุ้นกลุ่มปันผลด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันพอร์ตลงทุนของกบข.รวมทั้งสิ้น 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นพอร์ลงทุนสมาชิก400,000ล้านบาท และพอร์ตบริหารกองทุนสำรอง600,000 ล้านบาท มีจำนวนสมาชิก1.1ล้านราย โดยปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 10%กว่าปรับแผนการลงทุนไปยังสินทรัพย์เสี่ยงที่สูงขึ้น มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น35% ที่เหลือ90% สมาชิกยังคงแผนหลักที่มีสัดส่วนลงทุนในหุ้น15%
นางศรีกัญญา กล่าวว่า กบข.มีแผนจัดตั้งทีมงานพิเศษขึ้นมาเพื่อไว้บริหารอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะ เนื่องจาก กบข.เน้นลงทุนในตลาดต่างประเทศมากขึ้น ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจึงมีมากขึ้นจากเดิม
“ทีมที่บริหารอัตราแลกเปลี่ยนที่มีอยู่ในปัจจุบันก็สามารถบริหารได้ค่อนข้างดีมากและ เพื่อให้การบริหารค่าเงินอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด กบข.จึงต้องแยกทีมบริหารดังกล่าวออกมาเพื่อให้เป็นทีมพิเศษในการดูเรื่องค่าเงินเป็นการเฉพาะ"