พาณิชย์เปิดเวทีถกเอดีฟิล์มบรรจุภัณฑ์

พาณิชย์เปิดเวทีถกเอดีฟิล์มบรรจุภัณฑ์

พาณิชย์เปิดเวทีรับฟังความเห็นปมฟ้องเอดีฟิล์มบรรจุภัณฑ์ฯ เอกชนอุตสาหกรรมต่อเนื่องยันได้รับผลกระทบหนัก ขณะผู้ร้องกังขาสินค้านำเข้าขายถูกกว่า 10-20%

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ถึงผลการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ผลิต ผู้นำเข้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และแนวทางเยียวยาหากมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี)สินค้าฟิล์มบรรจุภัณฑ์ไบแอคเซียลลีออเรียนเต็ดโพลิโพรพิลีน(บีโอพีพี) เกรดทั่วไปเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ในการรับฟังความคิดเห็นกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน เทปกาว สติกเกอร์ เคลือบกระดาษ ที่ใช้ฟิล์มบีโอพีพีเป็นวัตถุดิบ ไม่เห็นด้วยกับการเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการเอดี

โดยสาเหตุมีความกังวลว่าจะเป็นผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น และยังกระทบต่ออุตสาหกรรมปลายน้ำ เช่น อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่ม ยาและเวชภัณฑ์ ของใช้ส่วนบุคคล และของใช้ในครัวเรือน เพราะต้องซื้อสินค้าไปผลิตในราคาที่แพงขึ้น และหากรับภาระต้นทุนไม่ได้ ก็จะต้องปรับขึ้นราคาสินค้า และผลักภาระไปให้ผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันทำได้ยาก แต่หากจำเป็นก็ต้องทำ

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย แต่ยืนยันตรงกันว่าการช่วยผู้ประกอบการที่ผลิตฟิล์มบีโอพีพีที่มีอยู่เพียงรายเดียวในประเทศจะส่งผลทำให้อุตสาหกรรมที่ใช้ฟิล์มบีโอพีพีเป็น 100 ราย อุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกกว่า 1,000 ราย ได้รับผลกระทบ และจะมีผลต่อเนื่องถึงผู้บริโภค ที่จะต้องถูกผลักภาระราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น จึงไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการใช้มาตรการเอดี

อีกทั้งจากการตรวจสอบเหตุผลของการขอให้เปิดไต่สวนใช้มาตรการเอดีมีเงื่อนไขว่า สินค้านำเข้าได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ ทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การผลิตลดลง ยอดขายลดลง รายได้ลดลง การจ้างงานลดลง แต่ไม่พบว่าผู้ร้องมีความเสียหายเกิดขึ้น โดยปัจจุบันยอดขายเพิ่มสูงขึ้น เพราะผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการ มีกำไรเพิ่มสูงขึ้น และล่าสุดมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตอีก เพราะการทำธุรกิจ หากมีผลกระทบ ก็จะไม่มีการลงทุนเพิ่ม

ด้านผู้แทนจากบริษัท เอ เจ พลาสท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ยื่นคำร้องให้ไต่สวนเอดี ชี้แจงว่า ต้นทุนการผลิตในภูมิภาคไม่แตกต่างกัน เพราะวัตถุดิบจากน้ำมันราคาเท่ากัน แต่การขายลดราคาต่ำกว่า 10-20%เป็นไปไม่ได้ จึงเป็นที่มาของการขอให้เปิดไต่สวนในครั้งนี้