GULF - ซื้อ

GULF - ซื้อ

หุ้นที่เซ็กซี่ที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

ห้าเสาหลักที่บริษัทมุ่งเน้นในระยะสั้น (ก๊าซ, พลังงานหมุนเวียน, LNG, โรงไฟฟ้าพลังนํ้า และโครงสร้างพื้นฐาน)

ผู้บริหารเปิดเผยว่า ห้าด้านหลักที่บริษัทมุ่งให้ความสำคัญในระยะสั้น ได้แก่ i) โรงไฟฟ้าก๊าซ (ii) พลังงานหมุนเวียน (จากการเข้าซื้อกิจการที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการพลังงานลมในเวียดนาม และยุโรป) iii) ธุรกิจ LNG (ดำเนินการตามใบอนุญาต LNG shipper สำหรับ Hin Kong power และ SPPs) ซึ่ง
ผู้บริหารคาดว่าจะเริ่มนำเข้า LNGS สำหรับ SPPs ที่ดำเนินการอยู่ได้ในปี 2564 iv) โรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว (3 โรง กำลังการผลิตรวม 2.4GW) ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา MOU เพื่อกำหนดค่าไฟฟ้า ตามด้วยการเจรจา PPA และ iv) โครงสร้างพื้นฐาน (LCP เฟสที่ 3 และงาน O&M มอเตอร์เวย์) ซึ่งคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในสิ้นปีนี้ หรือช่วงต้น 1Q64

มีโอกาสลงทุนมากมายในเวียดนาม (ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และโรงไฟฟ้า conventional)

ผู้บริหารมองว่ามีโอกาสขยายการลงทุนได้อีกมากในประเทศเวียดนาม ซึ่งไม่ใช่แค่โครงการพลังงานหมุนเวียน (พลังงานลม) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรงไฟฟ้าแบบ conventional ด้วย ทั้งนี้ GULF ตั้งเป้าจะซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิตรวม 200-300MW ในเวียดนาม (โครงการละ 50-100MW) ในขณะที่
กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการพัฒนาโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งแบบ green field และกำลังรอการอนุมัติของ PDP ฉบับที่ 8 ส่วนโครงการ Ca Na LNG to power (1,500MWx4) ก็จะออกเอกสาร Request for Proposal (เฟสแรก 1,500MW) ในปีหน้า ในขณะที่อีกสามเฟสที่เหลือต้องรอการอนุมัติของ PDP ฉบับที่ 8 ก่อน

มองว่าประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2563 มี upside น้อยลงที่ 5% เพราะต้นทุนค่าที่ปรึกษาโครงการ Borkum

ก่อนหน้านี้ เรามองว่าประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักในปี นี้ยังมี upside อีก 10% แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีมีต้นทุนค่าที่ปรึกษา (ค่าธรรมเนียมที่ปรึกษากฎหมายและที่ปรึกษาการเงิน ฯลฯ) หลังปิดดีลไปแล้วอีกซึ่งจะทำให้ผลประกอบการลดลง ตามปกติแล้วไตรมาสที่สี่และหนึ่งจะเป็นช่วง peak ตามฤดูกาลของโครงการพลังงานลม

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2564 ที่ 39.50 บาท เราชอบ GULF ในฐานะที่เป็นหุ้น super growth ในอีกสิบปีข้างหน้า โดยมองว่ายังมีโอกาสสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกมาก (ก่อหนี้ได้อีกถึง 7-8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นได้อีกถึง 2,600MWe ภายใต้สมมติฐาน
ต้นทุนที่ US$1.2mn/MW) กว่าจะชนเพดานการก่อหนี้

Risks

ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า และความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่