คิวยาว! แห่กดเงิน 'ประกันรายได้เกษตร' คึกคักยิ้มรับค่าชดเชยส่วนต่าง

ประชาชนต่อคิวยาว! แห่กดเงิน "ประกันรายได้เกษตร" คึกคักยิ้มรับค่าชดเชยส่วนต่าง จากโครงการประกันรายได้เกษตรกร

ความคืบหน้า (19 พ.ย.) การโอนเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ ตามโครงการประกันรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 งวดที่ 1 โดยใช้ข้อมูลเกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. โอนเข้าบัญชีเงินฝากเกษตรกรโดยตรง เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 จํานวน 786,380 ราย จํานวนเงิน 8,387.06 ล้านบาท

วันนี้ (19 พ.ย.63) ชาวนาที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต่างพากันแห่นำสมุดบัญชีเงินฝาก และ บัตร เอทีเอ็ม ไปเข้าคิวปรับเช็คยอดและถอนเงินส่วนต่างราคาข้าว ในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/2564 ที่ตู้ เอทีเอ็ม หน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาบุรีรัมย์อย่างคึกคัก หลังจากได้เริ่มโอนเงินเข้าบัญชีตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา

โดยส่วนใหญ่ต่างบอกว่า จะนำเงินดังกล่าวไปจ่ายค่าเก็บเกี่ยวข้าว และใช้จ่ายในครัวเรือน โดยจังหวัดบุรีรัมย์มีเกษตรกรที่มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้ งวดแรก จำนวน 20,147 ราย วงเงินทั้งสิ้นกว่า 239 ล้านบาท โดยคณะอนุกรรมการฯ กำหนดราคากลางอ้างอิงข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 12,088 บาท ทำให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนจะได้รับเงินส่วนต่างจำนวน 2,911.17 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 2,137.45 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 1,222.36 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 1,066.96 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 2,084.34 บาท

นายเพ้า ก่ำแก้ว ชาวนา ต.ชุมเห็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ เปิดเผยว่าโครงการประกันรายได้เกษตรดังกล่าวเป็นโครงการฯ ที่ดี สามารถช่วยเหลือชาวนาได้เป็นอย่างดี เพราะช่วงนี้ราคาข้าวตกต่ำมากเหลือเพียงกิโลกรัมละ 8 - 10 บาทเท่านั้น หากไม่มีโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลมาช่วย ปีนึ้คงทำนาไม่คุ้มทุนอย่างแน่นอน ก็อยากให้มีโครงการช่วยเหลือชาวนาแบบนี้อย่างต่อเนื่อง