'ชวน' มอบ 'ราเมศ' ลุยแจ้งความเอาผิดกลุ่มใส่ร้ายในโซเชียลฯ

'ชวน' มอบ 'ราเมศ' ลุยแจ้งความเอาผิดกลุ่มใส่ร้ายในโซเชียลฯ

"ราเมศ" รับมอบอำนาจ "ชวน" เตรียมฟ้องเอาผิดคนใส่ร้าย-หมิ่นประมาทในโซเชียลมีเดีย ขอบคุณสมาชิกรัฐสภา ปลดล็อคเดินหน้าแก้ รธน. ยันไม่ทิ้งข้อดีร่าง "ไอลอว์"

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) แถลงข่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงมติจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวาระที่1 ว่า เป็นอีกก้าวที่สำคัญเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจำนวน 2 ร่าง โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศไว้ชัดตั้งแต่เริ่มแรกเมื่อครั้งร่วมรัฐบาล ในการแก้มาตรา 256 และต่อมามีการเพิ่มเติมให้มีการจัดตั้ง สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ต้องถือว่าประสบความสำเร็จมาอีกก้าวหนึ่ง แต่ทุกฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายวุฒิสมาชิก ต้องแสวงหาความเห็นชอบร่วมกันในวาระ 2 ในชั้นคณะกรรมาธิการ(กมธ.) และยังมีวาระที่ 3 ที่เสียงของสมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 3 เป็นเรื่องที่ต้องร่วมกันคิดกันทำให้สำเร็จ

"รัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นของฝ่ายค้าน ไม่ได้เป็นของฝ่ายรัฐบาล ไม่ได้เป็นของวุฒิสมาชิก แต่จะต้องทำให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนและประเทศ ภายใต้การปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การหาความเห็นพ้องจากประชาชนเป็นส่วนสำคัญในชั้น กมธ.โดยพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอให้รับฟังเสียงจากประชาชนให้มากที่สุด เมื่อประชาชนได้มีส่วนร่วม เมื่อเข้าสู่การทำประชามติสิ่งที่ประชาชนจะเห็นด้วยก็มีมากขึ้น"นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวด้วยว่า ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชนไม่อยากให้มองว่าตกไปทั้งหมด เพราะความตั้งใจในส่วนที่ดีที่เป็นประโยชน์ ก็มีความจำเป็นต้องนำมาประกอบการพิจารณาในทุกขั้นตอน ดังนั้นควรหยิบยกมาพูดคุยกันให้เกิดประโยชน์ได้

นายราเมศ ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีการเตรียมการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ใส่ร้ายนายชวนหลีกภัย ประธานรัฐสภา ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยจากการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 17-18 .. แต่ด้านนอกมีการชุมนุมนั้นยืนยันว่านายชวนได้กล่าวเสมอว่ายินดีต้อนรับผู้มาเยือน ประชาชนสามารถไปมาได้ตลอดเวลาเพราะเป็นเรื่องปกติที่มีประชาชนเดินทางมาที่รัฐสภาเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งผู้ชุมนุมมีสิทธิเรียกร้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญได้โดยสงบและปราศจากอาวุธ และพร้อมรับฟังทุกเสียงของประชาชนเพราะรัฐสภาเป็นศูนย์กลางของความเป็นประชาธิปไตย

160576067054

นายราเมศ กล่าวว่า ส่วนความรุนแรงภายนอกอาคารรัฐสภาไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทุกคนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดหากทำผิดกฏหมายทุกคน ต้องรับผิดชอบในการกระทำของแต่ละคน แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในขณะนี้มีการกล่าวหาใส่ร้ายโดยใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียได้มีการกล่าวหาใส่ร้ายนายชวนว่าเป็นคนสั่งการและสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายประชาชนซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะนายชวนไม่มีอำนาจไปสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจได้

นายราเมศ กล่าวด้วยว่า แต่การกล่าวหาใส่ร้ายดังกล่าวเป็นเรื่องร้ายแรง และปรากฏข้อเท็จจริงชัดว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ตั้งกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก เพื่อกล่าวหาใส่ร้ายใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง ทำให้นายชวนมีความจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ตามกระบวนการกฎหมาย โดยมีการลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้ตนในฐานะทนายความ ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหลายกรณีที่ได้เก็บพยานหลักฐานไว้ครบถ้วน มีทั้งคนที่กระทำผิดฐานหมิ่นประมาท และมีทั้งคนที่กระทำความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์

"ผมไม่ได้ขู่ และไม่ได้ห้ามวิพากษ์วิจารณ์การทำงานแต่ควรวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ควรตรวจสอบให้เต็มที่ แต่ถ้าบิดเบือนใส่ร้าย ด้วยความเท็จช่องทางที่จะระงับสิ่งเหล่านี้ได้คือใช้กระบวนการกฎหมายดำเนินการให้ถึงที่สุด"นายราเมศ กล่าว