กลุ่ม ปตท.ลุยขายดีเซลเกรดพิเศษกำมะถันต่ำต่อเนื่องปีที่2 หวังลดปัญหาฝุ่น PM 2.5

กลุ่ม ปตท.ลุยขายดีเซลเกรดพิเศษกำมะถันต่ำต่อเนื่องปีที่2 หวังลดปัญหาฝุ่น PM 2.5

กลุ่ม ปตท. ผนึกกำลังบูรณาการภาครัฐ ร่วมลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ขายดีเซล(เกรดพิเศษ) กำมะถันต่ำ 10 PPM ผ่านปั๊ม “พีทีที สเตชั่น” 400 แห่ง ครอบคลุม กทม.และพื้นที่ภาคกลาง ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ตามที่ภาครัฐได้มีการจัดตั้งศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ นำโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับกรมควบคุมมลพิษ มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามเฝ้าระวัง ประเมิน และรายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง ตลอดจนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อพยากรณ์สถานการณ์ และบูรณาการการดำเนินงานแก้ไขปัญหาร่วมกันนั้น

กรมควบคุมมลพิษ จึงได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมมาตรการป้องกัน ตามแนวทางปฏิบัติการเชิงรุก เน้นจัดการ ป้องกัน และลดปัญหาจากสาเหตุที่ต้นทาง รวมถึงการปล่อยไอเสียจากเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลที่มีค่ากำมะถันสูง 

160569038821

นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่ม ปตท. มีความตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินค่ามาตรฐาน และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงได้ประสานความร่วมมือระหว่างบริษัทในกลุ่ม ประกอบด้วยโรงกลั่น จีซี และ โออาร์ เพื่อร่วมกันผลิตและจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีค่ากำมะถันต่ำเฉลี่ย 10 PPM ซึ่งเป็นค่าที่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ถึง 5 เท่า เป็นกรณีพิเศษผ่านคลังน้ำมันพระโขนงและสถานีบริการน้ำมัน โดยเน้นพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมกว่า 400 สถานี

รวมทั้ง จ่ายให้กลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม และหน่วยงานราชการ ตั้งแต่ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 - 28 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่มักจะมีค่า PM 2.5 สูงเกินกว่ามาตรฐาน โดยคาดการณ์ว่าปริมาณการจ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 ล้านลิตรต่อเดือน

ทั้งนี้ การเปลี่ยนจากน้ำมันดีเซลพื้นฐานยูโร 4 มาเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วกำมะถันต่ำ ส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ลดลง 19-21% และควันดำลดลง 19-40% เมื่อเทียบในสัดส่วนไบโอดีเซลที่เท่ากัน (จากผลการทดสอบของสถาบันนวัตกรรม ปตท. ในรถกระบะรุ่นเก่าอายุ 8 ปี และรถกระบะรุ่นใหม่อายุ 3 ปี)

160569047287

กลุ่ม ปตท. มุ่งร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ตลอดจนบูรณาการแผนการลงทุนของโรงกลั่นในกลุ่ม เพื่อขยายขีดความสามารถการผลิตน้ำมันคุณภาพมาตรฐานกำมะถันต่ำกว่า 10 PPM หรือ เทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 ให้สอดคล้องกับนโยบายปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสุขพลานามัยที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย