ปัญหาถ่ายโอนอำนาจการเมืองป่วนแผนปราบโควิดสหรัฐ

ปัญหาถ่ายโอนอำนาจการเมืองป่วนแผนปราบโควิดสหรัฐ

ปัญหาถ่ายโอนอำนาจการเมืองป่วนแผนปราบโควิดสหรัฐ โดยการขาดการประสานงานระหว่างรัฐบาลชุดปัจจุบันที่กำลังจะจากไปและรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศจะทำให้ชีวิตชาวอเมริกันเผชิญหน้ากับความเสี่ยงมากขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่

การถ่ายโอนอำนาจระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และว่าที่ประธานาธิบดีคนที่46 “โจ ไบเดน” ส่อเค้าว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตว่า ไบเดน ได้รับชัยชนะเพราะมีการโกงเลือกตั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ปธน.ทรัมป์กล่าวต่อสาธารณชนว่าไบเดนเป็นผู้ชนะ แม้จะย้ำว่าชัยชนะครั้งนี้ได้มาเพราะการโกงก็ตาม

“เขาชนะเพราะมีการโกงเลือกตั้ง” ปธน.ทรัมป์ระบุบนทวิตเตอร์ในวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ และหลังจากนั้นประมาณกว่า 1 ชั่วโมง ปธน.ได้ทวีตข้อความอีกครั้งหนึ่งว่า “เขาชนะในสายตาของสื่อที่นำเสนอข่าวเท็จ ผมจะไม่ยอมรับเรื่องนี้ เรายังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะต้องเดินไป นี่เป็นการเลือกตั้งที่ฉ้อโกง”

แม้ปธน.ทรัมป์มีคะแนนตามหลังทิ้งห่างไบเดน แต่ก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันก็ตาม ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดของรัฐบาลสหรัฐเตือนว่า การขาดการประสานงานระหว่างรัฐบาลชุดปัจจุบันที่กำลังจะจากไปและรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศจะทำให้ชีวิตชาวอเมริกันเผชิญหน้ากับความเสี่ยงมากขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 เพราะจะทำให้การพัฒนาและกระจายวัคซีนต้านโรคโควิดไปให้ถึงมือประชาชนมากที่สุดไม่เป็นไปตามแผน

“จะดีกว่าแน่นอนถ้าเราเริ่มทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันความพยายามด้านต่างๆที่มีเป้าหมายเพื่อบรรเทาวิกฤตด้านสาธารณสุขของประเทศให้เกิดผล ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันแก้ปัญหาเรื่องนี้”ดร.เฟาซี กล่าว

นอกจากนี้ ดร.เฟาซี ยังมีความเห็นว่าชาวอเมริกันน่าจะยอมฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 มากขึ้น เพราะผลพวงจากความสำเร็จในการทดลองวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์

“การที่วัคซีนของไฟเซอร์ปรากฏให้เห็นประสิทธิภาพเกิน 90% หรือบางกรณีเกือบๆ 95% น่าจะทำให้ชาวอเมริกันบางส่วนที่ยังลังเลใจและเคลือบแคลงสงสัยออกมาฉีดวัคซีนกันมากขึ้น ในช่วงเวลาที่ยังพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”ดร.เฟาซี กล่าว

คำเตือนและคำกล่าวของดร.เฟาซี มีขึ้นหลังจากศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (ซีเอสเอสอี) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า เมื่อเวลา 16.27 น.ของวันอาทิตย์ (15พ.ย.)ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 04.27 น.ของวันจันทร์(16พ.ย.)ตามเวลาไทย จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 11,000,984 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นแตะ 246,006 ราย

รัฐเท็กซัสและแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มียอดผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ขณะที่รัฐฟลอริดายอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 875,096 ราย ส่วนรัฐอิลลินอยส์มีผู้ติดเชื้อ 573,616 ราย แซงหน้ารัฐนิวยอร์กซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 560,200 ราย

ข้อมูลจาก ซีเอสเอสอี เผยว่า รัฐที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 250,000 ราย ประกอบด้วยรัฐจอร์เจีย วิสคอนซิน นอร์ธแคโรไลนา เทนเนสซี โอไฮโอ นิวเจอร์ซีย์ มิชิแกน แอริโซนา เพนซิลเวเนีย และอินเดียนา

จนถึงขณะนี้ สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก หรือมากกว่า 20% ของจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกรวมกัน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐทะลุ 10 ล้านรายเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา และตัวเลขการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1 ล้านรายภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์